วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว

         วันเวลามันผ่านไปเร็วเหลือเกิน  จนบางครั้งชีวิตมันเผชิญผ่านเรื่องต่างๆไปได้  โดยที่เราไม่รู้ตัวใน  บางก็ยังนั่งคิดคำถามในใจ  เฮ่ย นี่ชีวิตเรามาถึงจุดๆนี้แล้วเหรอเนี่ย  ไม่อยากจะเชื่อเรยย...  แต่ยังงัยชีวิตมันต้องก้าวเดิน  ต้องเผชิญในโลกนี้ต่อไปจนกว่าที่เราจะหมดลมหายใจ
         แล้ววันนี้ก็กลับมานั่งเสียใจกับเรื่องบางเรื่องกับคำพูดของคนบางคน  แล้วทำไมเราต้องไปสน  ไปเสียใจกับคำพูดของคนบางคนด้วยล่ะ  ทำไมล่ะ  ??  คำตอบคงจะอยู่ในใจของแต่ล่ะคนอยู่แล้ว  อาจเป็นเพราะ  เค้าอาจเป็นคนที่สำคัญที่สุด  รักมากที่สุด  ต้องการที่จะให้สิ่งที่ดีๆมากที่สุดแก่เขาก็ได้  มันอยู่ที่ว่าแต่ล่ะคนจะคิดอะไรเท่านั้นเอง
          ในตอนนี้  ขณะนี้  ในโลกนี้  อยากเงียบ  อยากอยู่คนเดียว  ไม่อยากพูดกับใคร  เวลามันคงจะรักษาเราได้เยอะเลยย

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันสุดท้ายของลิขิตชีวิต

       ไม่ได้เขียนนานเรย เพราะไม่มีเวลาว่างเลยทีเดียว  ตั้งแต่คะแนนสอบมิดเทอมออกก็ไม่อยากจะทำอารัยแล้ว พึ่งรู้ว่าชีวิตเด็กมหาลัยมันเครียสก็วันนี้และ เครียสจิงๆว่ะ มันมืดรอบด้านจิงๆ  ในหัวก็คิดแต่เรื่องแบบนี้ เราจะโดนทายไหม เกรดได้เท่าไหร่ ด็อปวิชาไหน ถ้าไม่ด็อปแล้วเปนยังงัย มันอยู่ในหัวตลอดเวลา  จะหันไปปรึกษาใครก็ไม่ได้  เพราะมันอยู่ที่ตัวเราเองนิ ทำไงได้เรา เราไม่ได้ฉลาดขั้นเทพเหมือนคนอื่นเค้านิ ก็ต้องยอมรับตามประสา มีแต่ความขยันเท่นนั้นแหละที่จะช่วยตัวเราได้  แล้วเมื่อไหร่ล่ะที่จะได้เอามันออกมาใช้บ้าง  นอกจากเก็บไว้ตลอดเวลา  เริ่มท้อแท้น่ะกะวิดว่ะเนี่ยย ยากจิงๆๆ
        หลังจากนั้นก็ขอเที่ยวให้หายเครียสหน่อยเหอะๆ พอเรียนดออิ้งเสร็จ  ก็ไๆปลั๊นล้าทันที  โดยไปตั้งแต่เที่ยวสวยสาธารณะหาดใหญ่  ให้อาหารปลา หาของกินชิวๆ  ไปให้พระบนยอดเขาให้สะบายใจ  ร้องโอแกะ จนไปถึงดูคอนเสริตอิมฟอมมัสกับอากิระ






          มีบางอย่างมากมายที่เข้ามาในชีวิตเรา  มีทั้งสิ่งดีและไม่ดี  มันอยู่ที่ว่าเราจะเลือกรับสิ่งดีๆนั้นเข้ามาไหม  หรือมัวแต่ปล่อยสิ่งเลวร้ายให้เข้ามาในชีวิตโดยไม่คิดถึงอารัยเลย  เราต่างหากล่ะที่ต้องเลือกมัน  ไม่ช่ายมันเลือกเรา  และ  สิ่งที่ดีที่สุด  มันดีที่สุดสำหรับเราแล้วยัง??  หรือ  เราคิดว่ามันดีที่สุดหรับหเราก็แค่เท่านั้นเอง
        
          ตั้งแต่วันจันทร์ได้สัญญากับคนๆนึงว่าจะไม่เบียนคัยตั้งแต่วันอังคาร  เราก็ไม่ได้เบียนคัยอ่ะ ถ้าเบียนก็เบียนน้อยสุด  แต่เราก็โดนเบียนตลอดอ่ะ  ก็ทนมาตลอดจนถึงจุดๆนึง  มันทำให้รู้สึกเซ็งในใจ  มันเบื่ออ่ะเพราะโดนสิ่งที่เราไม่ชอบทั้งนั้น  มีหลายอย่างเลย  บางเรื่องที่บอกว่าไม่ชอบก็ขออย่าพูดได้ไหม  แต่ก็ไม่เคยฟังกันเลย  บอกตรงๆมันเสียความรู้สึกอ่ะ  จะให้เถียง ให้เบียน  แรงๆ เหมือนปกติก็ไม่อยากทำเพราะเห็นเป็นเพื่อนเรา  ก็ได้แต่บอกตัวเองว่า "ทำใจ" แล้วก็เงียบ เพราะไม่อยากพูดอารัย เดี๋ยวก้อเค้าหาว่าเบียนอีก  ยังงัยเราขอโทดด้วยน่ะกัน  ผิดที่เราเองแหละที่ีทำตัวไม่ดีพอ...

ทรงผมใหม่บูมมัน หล่อเหี้ยๆโครตๆ

            สุดท้าย..แต่ยังไม่ท้ายสุด  ได้ดู Short Film หรือว่าหนังสั้นนี่แหละ เรื่องนึงชื่อว่า  หวานขม  Bitters Sweet   ดูมา 3 ตอนแล้ว จาก 13 ตอนและ ประทับใจทั้ง 3 ตอนที่ดูเลย แต่ชอบตอนนี่มีชื่อว่า  ที่วันนี้มากสุดแระ  โดยมันมีอยู่ว่า มีชาวต่างชาติคนนึง มาซื้อหญิงขายบริการ และได้เจอหญิงบริการคนนึง  โดยที่ชายต่างชาติคนนี้รักหญิงบริการคนๆนี้มากและรักมากอย่างหมดหัวใจ พร้อมที่จะแลกทุกอย่างได้ในชีวิต  โดยไม่แคร์เลยกับการที่หญิงคนนั้นมีลูกแล้วหรือหญิงคนนั้นจะเป็นยังงัยมาก่อน  สุดท้ายหญิงและชา่ยคู่นี้ก็แต่งงานกัน  อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
            ท้ายสุดดด  HBD  แมธธิว ด้วยค๊าบบ

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า...รัก


                  โอ๊ยยย  เหนื่อยยมากก เรียนทั้งวัน  ดัีงนั้นเราก้อต้องไปลั๊นลาอีกตามเคยยย อิอิ  ก้อเยยแวะเข้าไปโรงหนังอีกล่ะ  พูดได้คำเดียวว่า โดนมากก พี่โชนของนิชคุณ จุ๊ฟๆๆ  ไม่เสียแรงเลยที่จ่ายตังไปดู  แบบว่า พูดไม่ออกกันเลยทีเดียว  เข้าถึงทุกอารมณ์โครตๆ  อยากจะซื้อเก็บ DVD ไว้เลยค๊าบบ

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Guide มิตรภาพกับแว่น HBD>Ja&Pang

             วันนี้คุยเอ็มกับต้น  ต้นพูดถึงเรื่องมิตรภาพ  พูดกานไปพูดกานมาก้ออื้มคิดอารัยได้บางอย่าง  คำว่ามิตรภาพเนี่ย  มันบ่งบอกอารัยได้มากมายและหลายอย่างน่ะ  แต่มันคืออารัยล่ะ  ต่างคนพูดต่างๆนากันไป  บลาๆๆ  แต่เราคิดว่า  มันไม่สำคัญกับการที่  เราให้มิตรภาพกับเขาไปแล้ว  เขาเคยให้เรากลับมาบ้างหรือป่าวๆ หรือเรามีหน้าที่คอยให้ฝ่ายเดียวเท่านั้นเหรอ  น่าคิดน่ะ  เราทุ่มเทให้เขาทุกอย่างแต่สิ่งที่ได้กลับไม่มีเลย ถ้าอย่างนั้นเราจะให้ไปทำไมล่ะกับคนที่ไม่รู้จักคุณค่าของมัน  ไม่เห็นความสำคัญของมัน  ปล่อยให้เขาอยู่ของเขาคนเดียวเหอะ  แต่ในวันนึงเค้าคงเห็นความสำคัญของมันก็ได้  แต่มันก็สายไปแล้วแหละ  คงจะไม่มีแล้วสำหรับคำว่า  "มิตรภาพ"

         ซวย  1  เหนื่อยโว้ยยย มีแต่เหตุการณ์ซวยๆทั้งวันจิงๆ  เฮ่ย  หนักอกหนักจัยมากมายเลยทีเดียว วันนี้ทำงาน ไกด์ งาน มอ. วิชาการ วันแรก โห มะอยากจะเซดอ่ะ ตั้งแต่ตอนเช้าแระ ไปทำงานเกือบสาย เบื่อคนนัดจิงๆ (ภาเจ้าเก่านั่นแหละ) นัดเรา 7.30 นะ เราอุส่าบอก 7.45 รอหน้าโรงช้าง พอ เรามาตรงนัด ไม่เห็นแม้แต่เงาหน้ามือๆเลย  โทรถามว่าอยู่ไหน  บอกว่าดับของอยู่ที่ห้อง  แป่ววว เซ็งเรยย  เบื่อจิงๆกะพวกนัดแล้วมาไม่ตรงเวลาเนี่ยๆ  อิอิ  พอไปถึงเต้นไกด์นึกว่าสายแระ เช็คชื่อเรียบร้อย  แต่ก้อโล่งอกเรยย อิอิ เพราะว่าพี่ๆเค้ากว่าจะจัดเต้นไกด์ เสร็จก้อปาเอาไป 9 โมงครึ่ง ทัมเราลัีนลาไป  อยากจะบอกว่า เด็กเยอะมากก ไม่รู้ะมาทัมมัยให้มากมายกันนักกานหนา เพราะมันมีซ้ำๆ เหมือนกานทุกๆปี เซ็งจิงๆ อิอิ  แต่ก้อดีนะ มีแต่น่ารักทั้งนั้น 555+
           ซวย  2  พอทำงานไป 8.45  ก็นึกลังเลใจ  ว่าพลศึกษาเรียนป่าวว่ะ  ก็ตัดสินใจเดินจากประตูศรีตรัง  (ศุนย์บัญชาการไกด์ อิอิ)  กลับไปเปลี่ยนชุด  เป็น ชุด นศ ที่หอ  แล้วเดินไปคณะศิลศาตร์  ปรากฏว่าเห็นไฟที่ห้องติด  เลยนึกว่าเรียน  จึงรีบวิ่งขึ้นบันไดไปทันที   แต่พอไปถึงปรากฏว่า  แม่บ้านยืนทำควาามสะอาดอยู่  เซ็งเลยย  หรอกกุนี่หว่าา  จึงต้องวิ่งกลับจากคณะศิลศาสตร์ไปหอเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดทำงาน  แล้วเดินจากหอไปประตูศรีตังอีก  โห  โครตเหนื่อยจิงๆว่ะ

    ซวย  3  ในระหว่างเปลี่ยนเสื้อกลับไปทำงานนี่แหละ  ดันนั่งทับแว่น  เพราะลืมไปว่าตั้งไว้บนเตียงง  พอเรานั่งก็แอะใจนึสนึงแต่ก็ไม่ได้คิดรัยมากเพราะนึกว่านั่งทับไม้แขวนเสื้ออยู่ เพราะนั่งทับอยู่หลายอัน  พอลุกแค่นั้นแหละ  เม่งงง งานเข้าเรยเว้ยย  แว่นพังอีกแระ นั่งทับเลนกระจุ๊ย แว่นแตกกระจายเรยย แงๆๆ โครตเบื่อเรยย  เป็นอันที่ 108 ได้แล้วมั้งเนี่ยย ตัดจนพนักบิวตี้ฟูสนิทกับเราสนิทกานแระ  แค่เหยียบไปหน้าร้านก็รู้แล้วว่าต้องไปตัดแว่นใหม่  เฮ่ย  เพื่อนๆก็ถามกันว่า  ทัมมัยไม่ใส่คอนแท็คล่ะ จะได้ไม่หาย มึงก็เบ่งตาดูสิ  ตาเล็กแบบนี้  จะยัดเข้าเหรอออ  คิดบ้างสิ ก่อนจะถามอารัยอ่ะ อย่ามีสมองไว้กั้นหู  หุหุ  สุดท้ายก็ไปถอยแว่นใหม่มาอีก 2500  เฮ่ยย คิดในใจ ทัมมัยกุผลาญเงินพ่อแม่แบบนี้ว่ะ หมดไปกะแว่นมากมายแระ  แต่ที่มันซวยอีกก้อคือ  ไปตัดแว่นมาตอนวัดดูแระโอเค พอตัดมาแล้วเริ่มปวดหัว มันเข็มไป เซ็งอีกก ใส่ไม่ได้ปวดหัว  คงต้องเปลี่ยนเลนใหม่อีกรอบล่ะ หมดไปอีก 700 กินแกลบแน่เดือนนี้กุ
           ซวย  4  หลังจากทำงานเสร็จเพื่อไปดูหนัง  ปรากฏว่ามะด้ายดูอีก  รอบเต็มหมดเรยยย แงงง  ต้องนั่งรถกลับ เสียเวลาฟรีเลย  ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า  ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นยังงัยควรโทรจองรอบหนังก่อนทุกครั้ง  เพื่อความชัวๆๆ
           ซวย  5  หลังจากออกจากไดอาน่า  ปรากฏว่าฝนตกมากก  เปียกหมดเลยย  จนต้องเข้าไปในโลตัสเพราะฝนตกหนักมากก ไม่ไหวจิงๆๆ  เดินตัวเปียกในห้่าง  ดีน่ะ แอร์ไม่เย็นมากไม่งั้นตายเรยย
           พอกลับมาเสร็จก้อมีปาตี้งานวันเกิดไอจา  ที่ Aorgor Pub  ว๊าวๆๆ ฝนตกโครตๆอ่ะ  แต่ยังงัยเพื่อวันเกิดเพื่อนเราก้อต้องไป  อิอิ  ก็ได้ขอเพลง  Happy  Birthday  ให้จาด้วย อิอิ


งานเกษตร>>>>

             ก้อไปเดินมา 2 รอบแระ  รอบแรกเดินกะ  ภา  มิว  แล้วก้อเพื่อน  ภา  (จำชื่อมะด้ายแระอ่าา)  ส่วนรอบ 2  ก้อมี  อ้วน  ส้มโอ  (รูมเมดจากะตา)  ก็ไม่มีอารัยมากมายๆ มีแต่ของกินกะต้นไม้ จบป่าว  งานนี้ทำให้เราอ้วนอ่าา  ไปทุกทีมีแต่ของกินกลับมา  นิชคุณล่ะเซ็งงงง

ปล. นึกขึ้นได้  นันท์  อุส่ากลับมาจากจุฬา  แต่ไม่ได้ไปหา&โทร เรย
      อรุกะดิวและนิชคุณไปปาตี้กานที่  Mr.Joke&ไอติมโอ่ง  ก่อนน้องชูจะกลับหอ
      มะตูมรอดจากตึกถล่มของ ม.บู อิอิ

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ถึงบ้านแล้วโว้ยย

               เป็นรัยก้อไม่รู้ จะกลับบ้านทีรัย ฝนเม่งตกทุกที  วันนี้ก็เหมือนเดิมอีกซะ แวะซื้ของให้แม่ที่เซ็นทรัน พอลงมาที่จอดรถท่านั้นแหละ ฝนตกเม่ง เปียกหมดไปทุกส่วน  เฮ่ย มันซวยอารัยของกุว่ะ  แต่พอจะใกล้ถึงบ้านเท่านั้นแหละ  โห  ไม่มีฝนตกซักหยด  แงๆ ตกแล้งเราชัดๆ นางฟ้าจัยร้าย อย่าให้เจอน่ะ เดี๋ยวจะหอมแก้มซักที อิอิ
               กลับบ้านมาถึง ก้อเหมือนเดิมเลย นอน 555+ เพราะเมื่อวานประชุมดึก แล้วยังไปหารัยกินอีก ได้นอนเกือบ ตี 4 อิอิ  แต่รู้สึกกลับมาครั้งนี้  เป็นสิ่งที่ดีๆจิงๆ แม่ปลุกตื่นมาตอนเย็น  อาบน้ามเสร็จแล้วก้อได้ทานข้าวร่วมกะครอบครัวกันพร้อมหน้า ซึ่งไม่ได้ทานมานานแล้วว  ที่สำคัญ  แม่ซื้อของโปรดมาให้อีกและ อิอิ อิ่มโครตๆเลยอ่ะ  จากนั้นก้อนั่งคุยกัน บราๆๆ ตามภาษาคนแก่ๆกัน  เด็กๆอย่างนิชคุณเลยเซ็งๆ  เฮ่ยยย  แต่สุดท้ายก้อได้ข้อคิดดีๆมามากมาย
              เปิดทีวีมาดูข่าวๆหนี่ง  โอโห  ประทับใจมากก มีแม่คนนึงเป็นมะเร็งแล้วกำลังท้องอยู่ด้วย  แต่ไม่ยอมรับการรักษา เพราะรู้ว่าถ้ารักษา สารเคมีหรือสิ่งอันตรายจะเข้าสู่ตัวลูก  ยอมให้ลูกคลอดออกมาก่อนแล้วจึงไปรักษา  แต่ผลสุดท้ายมันสายไปแล้ว สายเกินกว่าจะที่รักษา  ถ้าเป็นคนๆอื่น  คงจะรักษาตัวเอง  ให้เอาลูกออกไปก่อน  ทัมยังงัยก็ได้ให้ตัวเองหาย  แล้วจะท้องใหม่ค่อยว่ากัน  แต่แม่คนนี้ไม่เลย  ยอมที่จะทนทุกข์ทรมาน  รอจนกว่าลูกจะคลอดๆแล้วรักษาตัวเอง  เพราะกลัวว่าลูกจะได้รับอันตรายจากการรักษา  เป็นแม่ผู้ประเสริฐ์แท้ๆ
              ปล.  ขอบขอบคุณพ่อกะแม่ ที่ทำให้เราเกิดมา  ปู่กะย่าที่คอยอบรมสั่งสอน แล้วก้อ ลุงพนธ์กะป้ารมณ์ ที่คอยให้คำแนะนำตลอดเวลา  และอีกมากมายๆที่กล่าวไม่หมด  ว่างๆก้อมาทานข้าวกันอีกนะคับๆ  ขอขอบคุณจิงๆ
              ปล.2  รู้สึกเขียนไม่ค่อยดีเลยวันนี้ อาจเพราะรีบเขียน เวลาหมดแย้วว อ๊ากก ไปล่ะๆๆ

                   

วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บุญชู..จะอยู่ในใจเสมอ เหรอ


              ไปดูหนังเรื่องนี้มา จะบอกว่าเป็นหนังไทยเรื่องที่ 3 ในชีวิตที่ดูในโรง ก้อขอบอกว่า หนังไทย เสียเงิน เสียเวลา เสียอารมณ์ อีกตามเคย ไม่รู้่ดิ เป็นรัยที่หน้าเบื่อมากก เปิดเรื่องมาก้อไม่ค่อยจะดี  ยิ่งดูโมลี (บทเมีัยของบุญชู)  แล้ว รู้สึกตีบทไม่แตกเลย ไม่ค่อยแสดงเข้าถึงอารมณ์ของตัวที่แสดงเลย จะดีหน่อยก้อมีจันทร์ผากับจันทร์หอมนี่แหละ พอจะมีฉากรักมาทำให้ไม่น่าเบื่อ แล้วก้อพวกโจรที่ตลกอยู่บ้าง เสือปลอมมาเลียก้อไม่เนียน  จันทร์ผาเวลาต้องการอะไร ก็ล้วงในกระเป๋าแบบไม่ต้องดู เจอทุกอย่าง ไม่ต้องหากันเลยทีเดียว แบบว่ากระเป๋าวิเศษ  ส่วนมุกตอนจบก้อหักมุมอีกตามเคย โดนยิงแระไม่ตาย  บอกตรงๆน่ะ ถ้าบุญชูตายอ่ะ จะอยู่ในใจเสมอมากกว่านี้อีก มันซึ้งแล้ว ไม่มาซึ้งก้อตอนหักมุมนี่แหละ เซ็งจิงๆ (แต่ถ้าตายภาคหน้าจะมีอีกเหรอออ) ดูแล้ว 2/10 เท่านั้นแหละหนังแบบนี้  ปล.อาจเพราะหนังไม่สนุกมั้ง จึงนั่งจับผิด

สรุป..1) จาก 3 เรื่อง วีดีโอคลิป ปิดเทอมใหญ่ บุญชู ท่าทาง ปิดเทอมใหญ่จะดีสุดแระ  2) จะรอดู กวนมึนโฮ กับ สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก ดูไตเติลแล้วน่าดู แต่ไม่รู้จะเป็นเหมือนเดิมป่าวๆ



           พรุ่งนี้นัดประชุมกรุ๊ป ไม่รู้จะมาตรงเวลากันอีกป่าว พูดแล้วหนักใจๆ เราว่ากว่าได้พูดก็เข้าคาบฟิพอดีแหละ แต่ยังยังก้อเชื่อมั่นในกรุ๊ป R ละกัน ว่าต้องตรงเวลากันทุกคนๆ  ปาเอาเกือบตี 2 แล้ว นั่งบ่นรัยอยู่ได้เนี่ยๆ นอนดีกว่า

วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

I Say ..

          ว๊าวๆๆ ในที่สุดก้อได้ฤกษ์ เปิดไดอารี่ใหม่ซะทีๆ หลังจากที่เงียบหายไปนานเพราะไม่มีเวลาเยย มีเรื่องจะเซดมากมายเลยทีเดียววว
          เริ่มตั้งแต่ทรงผมใหม่ ไม่อยากจะบอกว่าเสียดายผมโครตๆอ่ะ ไม่น่าเรยย ถ้าไปตัดกับไอโอ๊ต กาญกาย ตั้งแต่แรกก้อดีอยู่แล้วว พอร้านใต้หอเท่านั้นแหละ งานเข้าโครตๆเลยอ่า



         แล้วก้อมาถึงการประกวดาว-เดือน ก้อไม่เข้าจัยเหมือนกาน ว่าก่อนสอบจะต้องมาทำอารัยแบบนี้ เฮ่ย กุละหนักอก  แต่ผลสุดท้ายมันก้ออกมาดีๆ  ไอเต่าได้ตั้งที่ 5 แนะ นี่ถ้าไม่ตอบเกรียน ที่ 1 จะไปไหนล่ะ 555+  การทำงานร่วมกันครั้งนี้ ก้อสอนอารายๆมากมายๆ ได้รู้ถึงนิสัยของแต่ล่ะคนในกรุ๊ป ทำให้รู้ว่า เราต้องใช้ชีวิตอยู่กะเพื่อนๆยังงัย  และเพื่อนก้อสอนให้เรารู้หลายๆอย่าง ขอบคุณจิงๆจากใจ Group R...


           ดาว เดือนเสร็จ คราวนี้ก้อมาสอบกาน อ่านกันทุกวันเลยว่ะ แต่ไม่เข้าสมองกานเรยทีเดียวว เซ็งอีกตามเคยย อ่านกันตั้งตายอ่ะ แต่ก้ไม่เข้าจัย พอวันสอบมาถึง ทำไม่ได้อีกล่ะ เม่งฟิสิก ตรงข้อสอบเก่าโครตๆทัมมัยไม่จำว่ะ เอาสมองไปจำอารัยเนี่ยย  พอสอบเมนเอ็น ก้อไม่รู้นึกช็อตอารัยมาอีก กอลิล่า มีพันธ์ในเมืองกะนอกเมือง ยังไม่พอ ยังตอบกินยูครลิปตัสอีก ไม่อย่าเซดกับตัวเองเรยย แต่ก้อตั้งคำถามในใจน่ะ สอบบางวิชาเนี่ยย "ข้อสอบมันยาก หรือกุโง่่เองว่ะ"



             เครียสสสไม่รู้ทัมงัย เลยไปวิ่งรอบอ่าง คนเยอะเยอะเลย น่ารักโครตๆ 555+ เริ่มหม้อแระกุ  ก้องง ทัมมัยคนๆถือแต่กล้อง พึกนึกขึ้นได้ก้ออ๋อเลยย ทำโฟโต้นี่เอง นี่แหละ อนาตควิชาในเทอม 2 ของกุ อิอิ  ก้อเลยลองมือ ถ่ายภาพบรรยากาศสวยๆมาได้ๆ


            สุดท้ายยแล้ว ก้อเลี้ยงหมูกะทะกานเพราะไอผีกลับมาๆ ตอนแรกชวนกุกินเหล้า เม่ง กินเป็นซะทีไหนล่ะ แต่ก้อเผลอกินเบียร์ไปซะงั้น อิอิ  555+

Ohh iChoozaDiary

แนะนำตัวเจ้าของซะหน่อยๆ


              ผมชื่อเล่นชื่อ ชู ครับ เป็นคนธรรมดาคนนึงบนโลกใบนี้ ที่อยากทำตามความฝันของตัวเอง สอบติดวิศวฯคอม ม.อ. ก็เลยเรียนอยู่ที่นี่ เป็นคนที่เพื่อนๆบอกว่า "เกรียน" โครตๆ ซึ่งผมว่าไม่จิงเลย!! ว่างๆชอบถ่ายรูปเล่น เป็นผู้ชายใจร้อน ปากจัด ติดเพื่อน รักการสังสรรค์และท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ทำอะไรตามใจตัวเอง ขี้เบื่อ ชอบคนง่าย รักคนยาก แต่ถ้ารักใครแล้วรักทั้งชีวิต...


คำคมที่ชอบ :

หลายครั้ง ที่เรามีเรื่องไม่สบายใจ หรือล้มเหลว หรือไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำอยู่จะสำเร็จหรือไม่ มีคำถามที่เราต้องถามตัวเอง ว่า
1) เราทำดีที่สุดแล้วยัง
2) นี่คือทางเดินที่เราเลือกใช่ไหม่
ถ้าคำตอบทั้งสองข้อคือ ใช่
ก็แค่ปรับปรุงในข้อบกพร่อง แล้วพยายามต่อไป

หากการตัดสินใจอะไรยากๆ ถ้าหากตัดสินใจด้วยเหตุผลแล้ว ได้ซัก 80% ขาดอีก 20% คงต้องใส่ "ความศรัทธา" ลงไป จะได้เต็ม 100%

"ชีวิตทำอะไรให้ เต็ม 100 เสมอ"