วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วันสบายๆ ของ นาย ชูวงศ์

        เป็นงัยกันบ้างเพื่อนๆ ที่น่ารักๆกันมากมาย ยังคงสบายดีอยู่น่ะ ส่วนนิชคุณ คนนี้ก้อยังสบายดี หล่อ เกาหลี เหมือนเดิม ตอนนี้ก้อเปลี่ยนห้องมาสิงสถิตที่ 110430 แล้ว แฟนคลับทั้งหลาย ก้อตามมาได้เลยๆ 555+

        ตั้งแต่เปิดเทอมมา รู้สึกช่วงนี้ไม่รู้เป็นรัย ซวยๆ ให้เซ็งๆๆ ตลอดเลย ตั้งแต่โดนรถชน (ดีน่ะที่รอดมาได้)  คอมเสีย (ซ่อมติดกัน 2 รอบ ไม่รู้เสียต่ออีกป่าว)  มือถือชาดแบดไม่เข้า เงินก็หาย และอื่นๆ อีกมากมายเลยทีเดียวว  เฮ่ยย อุดส่าไปทำบุญมา
      
        แต่เรื่องรถชนนี่สิ โอ๊ย ทัมเราเจ็บไปหลายวันเรยย แต่ถ้าเป็นอารัยมากกว่านี้ ชิบหายแน่ๆเรย ไหนจะคิวงานต่างๆ ไหนจะเรียน โอ๊ย อารัยมากมาย อิอิ แต่ตอนทำแผลนี่สิ เจ็บมากอย่าไม่ต้องบรรยาย โอ๊ยย อ๊ากก ซีสสส กันเรยดีเดียว แต่ดีน่ะที่พยาบาลน่ารัก น่ากิน ก็เลยรักษาภาพพจน์ หุหุ  พอทำแผลเสร็จ  นางพยายาลคนสวย ก็นัดก็นัดมาทำแผลรอบ 2 พรุ่งนี้ เราก็เลยมาตามนัด  ตามภาษาเด็กแอ๊บแบ้วหน้าตาดี  อิอิ  พอยื่นบัตรเสร็จ  เราก็บอกว่ามาทำแผล  เท่านั้นแหล่ะ พยาบาลก็บอกว่าให้ขึ้นเดียง เฮ่ย พยาบาลสมัยนี้ แอะอ่ะอารัยก็ขึ้นเตียง คิดอารัยกะเค้าอ่ะป่าว 555+  พอขึ้นเตียงเสร็จ พยาบาลคนใหม่ก็ลอกผ้าก็อตปิดแผลออก เรานึกในใจ เจ็บโครตๆแน่เรย พยาบาลก็อุส่าหันมาบอกเราอีกน่ะว่า "ที่เจ็บเนี่ย ไม่ได้เจ็บเพราะที่ทำน่ะค่ะ แต่เจ็บเพราะขนติดที่เทปติดสก็อต ค่ะ ขนเยอะมากๆเลย" อ่าว คุณพยาบาลคับๆ ผู้ชายขนมันเยอะแล้วมันแปลกตรงไหนอ่ะคับ แล้วคุณพยาบาลก็ช่วยลอกเบาๆให้ขนมันไม่ติดสิคับ อยากพูดน่ะ แต่เค้ากลัว อิอิ  ปรากฏว่าพี่พยาลาบ ลอกอย่างเมามันมาก ไม่แคร์สื่อกันเลยทีเดียว หน้าแบบว่า วันนี้ต้องลอกให้ได้ อารัยอย่างนั้น เจ็บแบบว่าไม่สามารถบรรยายได้  รู้อารมถึงคนแว็กขนเลย แงๆ  แถมพรุ่งนี้นัดเราดูแผลอีก - -* งานเข้าแน่กรุ ช่วงนี้ก็เลยต้องรักษาตัวเป็นพิเศษ ไม่ออกไปไหน อ่านหนังสืออยู่ห้องดีกว่า 555+

       เช้าวันนี้ไปนั่งเรียนคณิตศาสตร์ เฮ่ยย ปวดขามากแต่ยังงัยก็ต้องไปเรียนเพราะกลัวไม่รูเรื่อง ยิ่งอาจารย์คนสวยขึ้นเรื่องใหม่อีก ไม่ไปก้อไม่รู้จะว่ายังงัยแระ เอาว่ะเป็นงัยเป็นกัน ก็เลยต้องหอบสังขานที่เต็มไปด้วยซิกแพ็ค ไปนั่งเรียนจนหมดคาบ หลังจากนั้นก็เอารถที่ถูกชนไปซ่อม พอซ่อมเสร็จก็ไปลั๊นล้าต่อกะน้องยุ้ย น้องมิว แล้วก้อน้องแป้งคนสวยย จุ๊ฟๆ  เป็นอารัยที่สนุกกันมาก หลังจากที่ไม่ได้ไปไหนด้วยกันมานานมากกก

       และแล้ววันนี้ก็ไปดูหนังมาใหม่อีกเรื่องนึง  เป็นเรื่องที่อยากจะไปดูมากๆ เพราะเห็นไตเติลในทีวีมันส์มากก ก็เลยตักสินจัยเสียสละอันมีค่าไปดู แต่พอเอาเข้าจิงง เฮ่ย เนื้อเรื่องไม่มีอารัยเลย มะได้เรื่องเรยย แต่ยังดีน่ะที่ CG สวย สมจิงใช้ได้ๆ เสียดายเงินจังเรยย

      วันสบายๆ ของ นาย ชูวงศ์ วันนี้ก็สนุกมาก  มีเพื่อนก็ดีอย่างนี้นี่เอง  ชีวิตไม่น่าเบื่อจำเจ   ได้ทำอารัยบ้าๆบอๆที่ไม่แคร์สื่อ 555+ ( ที่ทำไปอ่ะอายคนน่ะ แต่ทัมงัยได้ไม่แคร์สื่อ อ่ะ 555 ) อาบน้ามล่ะ บ๊ะบายคับเพื่อนๆ ทุกๆคนๆ

วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ชีวิต(เ)ปิดเทอม [ Episode2 ]

       ห่างหายกันไปนานเรยที่ไม่ได้มาเจอกัน  ก้อเพราะว่าคอมมันเสียย เศร้าเรยย  จำเล่นรัยก้อไม่ได้  เพสบุ๊คก้อไม่ได้เล่น  เอ็มก้อไม่ได้ออน  เหมือนชีวิตมันขาดอารัยไปซักอย่างงง  แต่ก็ทำให้รู้ว่า  การฝึกจิตใจให้เข้มแข็งตัดจากสิ่งที่เราติดเนี่ยมันยา่กแค่ไหนน
       ก้อมีเรื่องราวต่างๆ มากมายๆ ที่ไม่ได้เขียนและถ้าเขียนก้อคงจะเขียนไม่หมด  เอาเปงว่านึกอารัยได้ก้อจะเขียนล่ะกัน  หุหุ
       วันรับปริญญารุ่นพี่ ก้อได้มีโอกาศไปแสดงความยินดีกะพี่ปราชคนสวย เพราะถ้าไม่ไป  เดี๋ยวคุณพี่จะน้อยไจ  อิอิ  เราก้อน่ะตั้งใจจะไปเต็มที่  แต่ดันลืมตั้งนาฬิกาปลุก  ก้อเลยตื่นสาย งานเข้าเรย เราก้อรีบอาบน้ามอาบท่าแต่ตัวเต็มที่  แล้วก้อวิ่งสุดชีวิตเพื่อไปลานจอดรถ  แล้วก้อขับออกไป  ดันลืมซื้อดอกไม้  ต้องแวะซื้อดอกไม้อีก  พอซื้อเสร็จจะขับไปขณะ  รถยังติดแบบว่าโครตๆ  กว่าจะถึง  เกือบจะเป็นลม  เท่านั้นยังไม่พอ พอถึงแระที่จอดรถเต็มอีก - -* กว่าจะหาที่จอดรถได้ ทำเอาเหงื่อไหลกันเลยทีเดียว  แต่โชคดีที่พอจะแซกไปจอดได้ อิอิ  แล้วก้อรีบลงรดมาอย่างรีบเร่งงเพราะกลัวว่าคุณพี่คนสวยจะไปหอประชุม  แต่ก้อทันน  รอดตัวไป อิอิ   ก้อไม่อยากจะบอกว่า  ร้อนมากๆ  ร้อนได้อีกและก้อร้อนสุดๆ แต่ก็ยังเห็นแต่ละคนยังยิ้มได้  ยังวุ่นกับการถ่ายรูปโดยไม่กลัวดำ เฮ๋ย นับถือกานจิงๆ




       แล้วก้อวันสอบไฟนอลวันสุดท้าย ก้อจบลงก้อได้ไปเลี้ยงฉลองอารัยต่างๆมากมายๆ  ทั้งเพื่อนๆในกรุ๊ป และเพื่อนเก่าๆที่ลงมาได้เจอกันมากมายๆ  ไม่ว่าจะเป็น ไอแมน  ไอแม็กแอล ไอแม็กผี กลอง อรุ อาร์มแก่ ไอชะม้อย  และอีกมากมาย แต่ที่ลงมาไม่ได้เจอแ่ต่โทรบอกก้อเห็นจะมีไอนันท์  ปีม  เจ  ไอหมีเกมส์




        แต่ก่อนที่จะกลับบ้านก้อได้มีโอกาสไปชมนิทรรศการภาพถ่าย ที่ Craft House&Art Gallery ซึ่งมีหมุดเวียนให้ชมทั้งปี  ก็ได้เข้าไปดูพบกับรูปภาพถ่ายที่สวยงามมากมายเลย แต่ไปสดุดกับภาพๆนึง ปรากฏว่าเป็นของครู รร. เรานี่เอง ก้อเลยถ่ายมากันให้ดู


          โดย  คุณครูกิจจา  ชูเชิด  ให้ความหมายกับภาพๆนี้ว่า  "การดูภาพจากกล้อง  หลังจากที่ได้ถ่ายภาพไปแล้ว  สามารถสร้างความสุขให้กับตนเองและกลุ่มเพื่อนๆ ได้"

          และแล้วก้อมาถึงวันเปิดเทอม  แต่เปิดได้วันแรกก้อพายุเข้าซะแล้ว  ฝนตกหนักมาก  ลมแรงแบบสุดๆ  น้ำท่วม มอ เลย  มหาลัยเลยสั่งปิด  ก้อเลยได้มีโอกาสขับรถเล่นๆไปรอบเมืองหาดใหญ่  ปรากฏว่าน้ำท่วมมากมายย  บางที่ถึงหน้าอกกันเลยทีเดียว  อารัยมันจะหนักขนาดนี้เนี่ยย  ไม่ไหวจาเคียร์  ไฟฟ้าและน้ำถูดตัดหมด  ก็เลยจะโทรหาพ่อแม่ก้อสัญญามือถือถูกตัด  อารัยมันจะเลวร้ายขนาดนี้

          แล้ววันนี้ก็ได้มีโอกาสไปแพ็คของจัดส่งให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมกับมหาลัยด้วย  โดย มอ ได้เปิดเป็นศูนย์กลางรับความช่วยเหลือและส่งความช่วยเหลือให้ผู้ประสบภัยด้วย  สิ่งของจากประชาชนก็หลั่งไหลมาไ่หยุด  ฮอก็มารับของตลอดเวลากันเลยทีเดียว  กะว่าจะไปลงพื้นที่แจกของ แต่เรือดันหมดเลยไม่ได้ไปซะงั้น แต่ไม่เปงรัยพุ่งนี้กะจะไปช่วยอีก


          สุดท้ายก็อยากจะกับคนๆนึงว่า  เบื่อมากกับคำว่า  "ขอโทษ"  ขอร้องเหอะอย่าพูดอีกเลย  ถ้าพูดแล้วไม่มีสมองที่จะคิดว่าจะทำให้มันดีขึ้นอ่ะ  ก็อย่าพูดดีว่า  ก็ไม่อยากว่าหรอก  เฉยหลายครั้งแล้ว เผื่อว่าจะคิดได้  จะทำได้ดีขึ้น  แต่ไม่เลยยิ่งไม่พูดก้อเหมือนยิ่งแย่ลง  อยากรู้จิงๆ ว่าคิดไม่ได้บ้างเหรอ  ครั้งนี้ถ้าไปคนเดียวจะไม่ว่าเรย  แต่นัดเพื่อนไว้อีก 2 คนอ่ะ  ก้อย้ำนักย้ำหนาแล้วว่าออกไปกะเพื่อน  แล้วมีงี้อีก  อุดส่านั่งรอ  ก็อยากจะรู้ว่าจะโทรมาเมื่อไหร่  จะโทรมาบอกกันบ้างไหม  แต่ไม่เลย  รอจนเลยไป  45  นาทีแล้ว  ก็ไม่มีอารัยก็เกิดขึ้น  เซ็งสุดๆแล้วก็เลยโทรหา แต่ก้อได้ยินคำแก้ตัวดีๆ  ก็แค่อยากจะรู้อ่ะ  โทรบอกโทรถามซักคำไม่มีเลยเหรอ  ทีกับคนบางคนอ่ะโทรได้โทรดี คุยได้เป็นวันๆ  เหี้ยจิงๆ ก็ได้รู้กับเพื่อนอ่ะไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องไปแคร์มันแระ   เสียความรู้สึกมากว่ะ

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ชีวิตปิดเทอม [ Episode1 ]

วันนี้ก็ได้กลับบ้านซะที  หลังจากที่เหนื่อยจากการเรียน  การเที่ยว  การย้ายห้อง  ฯลฯ  แต่ก็มาคิดอีกทีจะกลับทัมมัยหว่า  วันนี้นี้แล้วที่เราจะผ่าพันคุดนิ  เฮ่ย  นรกใกล้เคลือบคลานเข้ามาอีกแหล่ะ  ยังจำภาพเหตุการณ์วันแรกที่เราผ่าซี่แรกได้เลย  มันเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายมาก  ต้องนอนทนเจ็บอยู่บ้านตั้งหลายวัน  เป็นอารัยที่เซ็งมาก  อดเที่ยว  อดกินนู่กินนี่ที่อยากทุกอย่าง  แต่มันก้อดีที่ทำให้ผอมได้ลงไป  (นิสนึง อิอิ)
                หลังจากที่กลับบ้านไปมีตังติดตัวกลับพันสอง  พอถึงบ้านเหลือสองร้อยกว่าบาท  โอ้แม่จ้าวว  จ่ายอารัยไปนักหนาเนี่ย  พอมาคิดๆดู  โห  มีแต่เรื่องไรสาระทั้งนั้น  มีของฝากปู่กะย่าเอง  ส่วนของพ่อกะแม่  ดันทำหล่นระหว่างขับรถซะอีก  เปงอารัยที่ซวยมากจิงๆ  เฮ่ย  ช่วงนี้ไม่รู้เปงรัย  จ่ายวันนึงไม่ต่ำกว่าสองร้อยตลอด  มีแต่ตังค์ออกไม่มีตังค์เข้าเลย  พอมาคิดๆดูก้อสงสารพ่อแม่  อุส่าหาเงินให้มาใช้  แต่ดันใช้ไม่มีประโยชน์  จะขอเพิ่มก้อไม่กล้า  (ซึ่งได้อยู่แระ) เพราะกลัวะถูกถามว่าตังไปใช้อะไรหมด  เฮ่ยย  วัยรุ่นเซงง
                ก้อดีใจมากที่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัวหลังจากห่างหายไปเนิ่นนานเพราะไม่ได้กลับบ้านเลย  ก้อเปงอารัยที่แอบดีจัยอยู่ลึกๆ  หุหุ  แต่ก้อไม่ได้กินข้าว  กินกับข้าวเล่นซะมากกว่า  อิอิ  เพราะก่อนกลับบ้าน  ไอดอกดิวมันพาไปกินส้มตำชายทะเล  แพงก้อแพงแถมคิดตังค์ให้ก้อผิด  ถ้าไม่ขอดูบิลคงไม่รู้นะเนี่ย  คงจะเสียค่าโง่ไปอีกหลายบาท  แล้วต่อด้วยพาไปเลี้ยงสเวนเซ่นอีก  เฮ่ยย  เบื่อโครตๆชีวิตอาทิดนึงกินไม่ต่ำกว่าสามครั้ง   รู้แระทัมมัยน้ำหนักขึ้น 
พรุ่งนี้ตอนเช้ามีนัดกะแม่ไปเดินซื้อของในห้องซะหน่อย  อุส่าชวนพ่อให้ไปด้วยกัน  แต่พ่อบอกไม่ได้ไปหรอกเพราะติดทำงาน  แต่ยังงัยก้อจะลากไปให้ได้  หึหึ  ส่วนตอนเย็นก้อมีนัดกะไอยายอาร์มแล้วก้อชะม้อย  (ไม่รู้กลับมายัง)  ไปเล่น  ฟิสเน็ทด้วยกันนน
                มีเพลงๆหนึ่ง  ฟังแล้วเพราะมาก  อยากให้ทุกคนได้ฟังกานน
 
ปล1.  อ่านบล็อกไอบูม  เม่ง  เพ้อถึงสาวคนใหม่มันได้อีกว่ะ  เน่าโครตๆ   บ้าไปป่าว
ปล2.  อ่านบล็อกไอเบญ  เมิงจะเศร้าไปไหนว่ะ  กุล่ะสงสารแทนๆ
ปล3.   เกรดออกวันที่  29  ต.ค.  อย่าลืมดูกานล่ะ
ปล4.  ปิดเทอมแล้วมันเงียบๆ  คิดถึงเพื่อนๆจัง  ไม่ได้เจอหน้ากันเลย  นึกถึงเวลาไปลั๊นล้าไหนด้วยกัน
ปล5.  คิดถึงก้อโทรมา  ห้ามยิง  ห้ามส่งฉุกเฉินมา  เพราะกรุล่ะเบื่อโทรกลับแระ  ตังเริ่มไม่มีจะโทรกลับแล้ว
ปล.6  พรุ่งนี้ขึ้นเขียงผ่าฟันคุดซี่สุดท้ายยย  แงๆ
ปล7.  มึงจะ  ปล.  เยอะไปไหน  งงกะตัวเอง

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

@ โรงพยาบาลทันตกรรม


      มีเรื่องหลายๆเรื่องมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต  แม้ว่าการเรียนปิดเทอมมันจะจบไปแระ  แต่ชีวิตและปัญหาต่างๆมากมายก็ไม่เคยจะจบตาม  ตอนนี้ก็รอไอบูมมันผ่าพันครุด  โครตนานเลย  กว่าจะได้เข้าก้อนาน  ผ่าก้อนาน  ตอนนี้เขียนอยู่ 2 ทุ่มกว่าแระ ยังผ่าไม่เสร็จเลย  ไม่รู้จาอารัยกันนักกานหนา  นิชคุณละเซ็ง
      ตอนนี้การบ้านการเมืองก็ไม่รู้เป็นอารัยไปหมด  คัยท้องกะคัย  ได้กะคัยเป็นเรื่องที่ฮอตที่สุด  แล้วยังไปเกี่ยวกะการเมืออีก  กุละปวดหัว  ตามมาด้วย  ดาราสาวแย่งสามีดาราอีกคนนึง  เป็นข่าวคลิปเสียงด่าหลุดกันมากมาย  สังคมมันต่ำลงขนาดนี้เลยเหรอ  ดาราน่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีแแก่ประชาน  แต่กลับทำตัวต่ำกว่าอีก  เป็นข่าวไม่เว้นแต่ล่ะวัน  ล่าสุดพึ่งเดินร้านหนังสือ  เห็นปกหนังสือก็อตซิบ  ภาพหลุดดาราดูปาก  ลิ้นเลีย  นวยเนียกันอย่างดูดดื่ม  โห  สงสารเด็กๆที่ยืนดูกันจัง  มี่ตัวอย่างแบบนี้  รู้ว่ามันเป็นสิทธิส่วนบุคคล  แต่คุณเป็นคนของสังคมมันควรทำอย่างนี้เหรอ
      ขอพูดหน่อยเหอะ  เบื่อผู้หญิงบางคนมาก  ที่ไม่รู้อารัยจิง  แฟนขอบอกเลิกแต่ดันมาพาล  ว่าเลิกกันเพราะคนอื่น  นิสียเหี้ยมากว่ะผู้หญิงแบบนี้  เลิกเหอะเราเชียเลย  ทั้งที่ก่อนหน้าอุส่าช่วยให้กลับมารีเทิน  ในที่สุดสิ่งที่ได้ล่ะคืออารัย  ช่างมันเหอะ
      ในที่สุดไอบูมมันก้ออกมาซะที  ค่อยมาอัพไดอารี่ใหม่ บ๊ะบายๆ

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อ่านหนังสือ [ หรือป่าว?? ] ลงทะเบียนเรียนแสนสาหัส

          ในวันที่เซ็งๆกับการสอบ  แล้วยังต้องมาเจอกับฝนที่ตกหนักอีก  ชีวิตมันจะแย่ไปไหนอีก  เมื่อไหร่น่ะ  จะสอบจะเสร็จซะที  เฮ่ย  ชีวิตน่ะชีวิต  นี่แหล่ะอยากจะเรียนนักกะไอวิศวะ  แล้วงัย  มานั่งเครียส  นั่งเกรียน  นั่งเซ็งอยู่  เบื่อมากกกถึงมากกกที่สุดดดด  หึหึ
          กะว่าจะเข้ามาห้องสมุด   แต่ดันไม่มีหนังสือให้กุซักเล่ม  มันจะยืมอารัยกันนักกันหนา  แต่ก็โชคเข้าข้างก็งี้แหล่ะน่ะ  คนหน้าตาดีๆๆ  ดีน่ะที่เราไปยืนรอกิ๊กอยู่ที่เคาเตอร์ยืมคืน  อิอิ  ก็เลยได้มาเล่มนึง  แอบคิดในใจ  มันจะคืนทัมมัยว่ะ  เดี๋ยวสอบนิไม่เอาไปอ่านเหรอ  มันเทพหรือมันด็อปแล้วว่ะ  แต่ก็มีเสียงดังแว่วๆมาในสมอง  แล้วมึงไปเสือกอารัยกะมันว่ะ  มันคืนให้มึงมีอ่านก้อดีเท่าไหร่แล้ว  อื้ม  ก็ถูกของมัน  ขอบคุณจิงๆๆ ซาบซึ้งๆๆ  ถ้าไม่แคร์สังคมกะจะร้องหน้าเค้าเตอร์แล้วเนี่ยย เป็นพระคุณอย่างสูงอย่างสูง
         สอบในเทอม 2 ก้อจะน้อยลงง  แต่มันก็ยังมากอยู่ดีอ่ะแหล่ะ  ขนาดด็อปไป 2 ก้อมี  สอบพีแพร วันที่ 5  สอบเค็มวันที่  8  แมนเอ็นวันที่  10  ดรออิ่งวันที่  11  โอ้แม่จ้าววว  ขนาดด็อปไป 2 อารัยมันจะเยอะขนาดนี้เนี่ย เฮ่ยยย  นิชคุณละเซ็ง
          ส่วนตารางเรียนเทอม  2  ก้ออย่าพูดเรย  อัดแน่ซะ 22 หน่วยกิจ  มีเวลาให้กุหายใจบ้างป่าวเนี่ย มีมาให้ 18  ลงตัวช่วย 2 ก้อเต็มแย้วว  แต่กว่าจะได้ลงนี่ดิ  อุส่านั่งรอเซฟเวอร์เปิดตั้งแต่  8  โมงครึ่ง  กว่าจะลงได้  เม่ง  ปาเอา  5  โมง  นั่งรอแต่หน้าคอมปวดหัวมาก  อุส่าเปิดเซฟตั้ง  13  ไม่ได้ช่วยอารัยเลย  อย่าบอกน่ะว่ามหาลัยติด 1 ใน 5 ของประเทศ  อายเค้าว่ะ  เด็กเค้าจะลงเรียนกันชาตินี้น่ะไม่ใช่ชาติหน้าน่ะ  เงินท่จ่ายค่าเทอมไปไม่ช่วยอารัยเลยเหรอ  ห่วยมากถึงมากที่สุดด  ทำอารมเสียมากก

        
         เข้าเพสวันนี้ไปสุดเจอกับเพลงๆนึง น่ารักมากกชอบๆ มาจากเพสอีต้นมะพร้าว(ดอก)  นั่นแหล่ะ  เอามาให้ฟังกานด้วยๆๆ


        ผ้าที่ส่งซักเอากลับมา  ก็เปียกฝนหมอเฮ่ยยย   หิวข้าวเว้ยยย เมื่อไหร่ฝนจะหยุดตกซะทีว่ะ....
        ปล.กะว่าพรุ่งนี้จากลับบ้าน  จะได้กลับป่าวเนี่ยยหรือว่าต้องมีงานอารัยเข้าอีก  คอยดูกานนน  ขอแต่ว่าอย่าให้ฝนตกก้อล่ะกาน  สุดท้าย  รักทุกคน  จุ๊ฟๆ

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

เบื่อ เซ็ง อยากอยู่คนเดียว [โดนรถชน เม่งเอ้ยย]

      เงียบหายไปนานเรยสำหรับไดอารี่เล่มนี้  ก้อเหมือนเดิมแแหล่ะน่ะ  ยังเป็นคนๆเดิมที่ทุกคนรู้จักกันดี  แต่นิสัยและอารัยหลายๆอย่างอาจเปลี่ยนไปกันบ้างตามเวลาและอารมณ์  ก็อย่าอารัยกะเรามากมาย  บางครั้งก็เหมือนเดิมแหล่ะ   อยากจะทำอะไรคนเดียว   อยากอยู่คนเดียว  อยากทำอะไรคนเดียวใหม่ๆบ้าง  เผื่อชีวิตมันได้ดีกว่านี้

      เบื่ออ  เซ็งมาก  เบื่อกับทุกๆอย่าง  เซ็งกับทุกสิ่ง  รู้สึกว่าชีวิตทำอะไรมันก็ติดขัดไปหมด  ก็คิดในใจน่ะ  ว่า  อาจเพราะเราทำไม่ดีพอหรือป่าว  หรือมันไม่ดีจิงๆ  แต่อารัยก็แล้วแต่  ถ้าเราพยายามที่จะทำมันอ่ะ  อารัยมันก็สำเร็จแหล่ะ  แต่ัมันอยู่ที่ว่า   เราจะขยันพอที่จะทำสิ่งๆนั้นหรือป่าว  หรือคอยแต่หยุดอยู่กับที่  เพื่อให้มันมาหาเองหรือให้คนอื่นทำให้...

      สอบเคมีวันนี้โครตยายว่ะ  (ตกลงข้อสอบมันยาก  หรือ  กุโง่เองว่ะ)  เฮ่ยย  แต่ยังงัยก็ทำเต็มที่ล่ะกัน  ได้ไม่ได้เดี๋ยวก้อรู้ตอนคะแนนสอบเองแหล่ะ  สอบเสร็จกุนอนท่าเดียวไม่ทำรัยแระ  (คงติดเชื้อมาจากไอโปแปง อิอิ)  หลังจากนั้น  ตอนเย็นก็ไปติวหนังสือใต้ตึกฟัก  ก็ไม่ได้ติวหลอกน่ะ  ชวนกันไปนั่งกินน้ำชา  ดีจิงๆ  พออ่านเสร็จ  (ซึ่งไม่เข้าสมองเลย)  ก็ไปกินข้าวต้มชุมพรต่อ

หน้าหอนาฬิกา
      
      แต่ก่อนที่จะไปกินข้าวต้มชุมพรนี่แหล่ะ  เฮ่ยย  โดนรถชนเต็มๆ  จะใครซะอีกล่ะที่ชน  คนหนีไม่พ้นอีบูมตัวปัญหานั่นแหล่ะ  เรื่องมันมีอยู่ว่า  พอดีเห็นเพื่อนเดินมาข้างถนน  ไอโชแปงก็เลยจอดรถรับ ก็คือไอบอม  (ขาวๆตี๋ๆ เล่นบาสอ่า)  ไอบอยมันขับตามหลังไม่ทันระวัง  ก็ตามประสาเต่าอ่ะน่ะ  เลยชนกับรถโชแปง  โครมมม...  ฮากันเต็มที่  แต่ทันใดนั้น  กรรมก็ตามสนอง  ในระหว่างที่หัวเราะไอบอยกะโชแปงอย่างเมามันนั่นเอง  ไอเดียวก้อหยุดรถ  (มันจะหยุดทำเหี้ยรัยฟ่ะ)  เราก็นั่งบนรถ  ไอบูมก็ขับตามมาหลังมันก็เสือกหันไปดู 2 คู่นั้น  เม่ง  ชนท้ายเต็มๆ  ขาถลองหมดเลย  อารัยมันซวยแบบนี้ว่ะ  ส่วนไอบูมไม่อยากจะบอกว่า  หายหลังล้มรถฮาได้จัยจิงๆ 555+  แต่ก็น่าสงสารมันอ่ะ  เพราะมือถือหน้าจอแตกเยย  ถอยไอโฟนเลยบูม

      ปล.1  ยังงัยก็รักกรุ๊ปนี้  อยากยุ่ง  อยากอยู่  อยากมีส่วนร่วมเสมอ รักน่ะ จุบุๆ
      ปล.2  ง่วงแระ พรุ่งนี้สอบแลปฟิอีก  โอ๊ยยย ไม่อ่านรัยที  จะบ้าตายแระ


วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

วันหนึ่งที่รู้สึกแย่ใน"กรุ๊ป"มากที่สุดๆ

     วันนี้ก็มีหลายๆ  เรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้หนักใจอีกตามเคยย  ก็น่ะคนเรามันจะให้ทำให้ดีทุกเรื่องๆและให้เพื่อนๆทำให้ถูกใจเราในทุกๆเรื่องมันก็เป็นไปไม่ได้

     และวันนี้เป็นวันหนึ่งที่รู้สึกแย่ในกรุ๊ปมากที่สุดๆ  มีแต่เรื่องหน้าเบื่อๆ เดิมๆซ้ำๆ เพราะแต่ล่ะคนไม่เห็นค่าเลยของคำว่า"กรุ๊ป"  ต่างคนต่างเฉยเมิย  ปล่อยให้ค่าของมันต่ำลงๆ  จนเกิดปัญหาต่างๆมากมาย  จนถึงจุดๆหนึ่ง  คิดว่าคงมันคงจะไม่เหลือให้เราเห็น  คงจะไม่ได้โทษสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะใคร  ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น  แต่อยากให้คิดว่าทำดีแล้วเหรอยังกับคำว่า"กรุ๊ป"  ไม่ใช่สนใจแต่ปาก  แต่คำพูด  แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่ทำอะไรเลย  เห็นแก่ตัว  พอมีงานอะไรก็ไม่เคยคิดจะโทรถามว่าจะให้ช่วยอะไรตรงไหนบ้างไหม  พอไม่รู้ข้อมูลก็มาว่า ว่าทำไมไม่บอกกันบ้างเลย  เคยคิดจะโทรถาม จะถามงานคนอื่นบ้างใหม่แทนที่จะต้องให้เพื่อนต้องคอยให้สั่งตลอด  คิดเองไม่เป็นบ้างหรือไง  ถึงเวลาแล้วหรือยังล่ะที่จะหันมาเห็นค่าของคำว่า"กรุ๊ป"

     ตอนเช้าก่อนที่จะรับสเด็จฯก็เบื่อมาก ไม่เข้าใจทำไมชีวิตมันอารัยนักหนาแบบนี้ ก็เลยไปไหว้พระอีกตามเคย  สูดอากาศสะอาดๆ  ทำจิตใจใหบริสุทธิ  ตัดจากอะไรซักอย่างที่มันกำลังตามเรามา  หลังจากรับเสร็จฯเสร็จ  ก็ไปดูนิทรรศการ กับ ต้น ตอง แล้วก้อบูมที่ลีกาเด้น  จำชื่อไม่ได้แล้วว่านิทรรศการอะไร  เดินไปทั่วๆงาน  ก็ไปสดุดกับภาพๆหนึ่ง  ในภาพนี้มีเด็กชายคนหนึ่งกำลังมองไปที่สิ่งๆหนึ่งด้วยสายตาที่สื่ออารมณ์อย่างชัดแจน  ในสายตาของเด็กคนนั้น  มันบ่งบอกอารัยหลายๆอย่าง ทั้งความสุขและความทุกข์  ไม่รู้สึกสึกแบบนี้มาก่อนเลย  หลังจากนั้นตอนดึกก้อออกไปกินเหล้าปั่นกะยุ้ยแล้วก้ออ้น


      ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอารัย  มันมีฟิวอยากทำอะไรคนเดียว  อยากอยู่คนเดียว  เงียบๆคนเดียว  เที่ยวคนเดียว  ดูหนังคนเดียว  เบื่อที่ต้องมาเจอผู้คนมากหน้าหลายตา  เบื่อที่จะต้องมาทำอย่างนู๊อย่างนี้ทั้งๆที่ใจเราไม่อยากทำเลย  เบื่อที่จะต้องมานั่งเถียงใครๆกะเรื่องไร้สาระ  เบื่อ..

      การตรงต่อเวลา  ยอมรับว่าแต่ก่อนมาสายเสมอ  แต่ปัจจุบันนี้  มาสายน้อยมากถ้าไม่มีเหตุการณ์สำคัญจริงๆเท่านั้นแหล่ะที่ไม่ไปตามทัน  อยากจะพูดว่า  ถ้าคนเราเห็นประโยชน์ของการนัด  การเห็นใจคนอื่น  และการรอคอย  เหตุการณ์บางเหตุการณ์คงไม่เกิดหรอก  ไม่ได้พูดว่าเหตุการณ์ใด  ที่พูดมานี้ไม่ได้ว่าใครทั้งนั้น  ไม่ได้โทษว่าใครผิด  แต่มันอยู่ที่ว่าถ้ามันเกิดขึ้นแล้วสามารถที่จะแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร  หยุดคิดซักนิดหนึ่ง  อย่าให้มันซ้ำรอยเดิม  สิ่งง่ายๆแบบนี้หวังว่าคงจะทำกันได้น่ะ


      วลา คือ การที่โลกหมุนอยู่ทุกขณะ



เวลา ผ่านไปไม่ย้อนกลับ

เวลา เครื่องสมานแผลที่ดี
เวลา เครื่องกำหนดการเดินทาง
เวลา ไม่เคยรอใคร
เวลา ไม่เคยหยุดนิ่ง
เวลา  สิ่งที่หลายคนมองข้าม
เวลา สิ่งที่หลายคนตระหนัก
เวลา มีค่าเสมอ
เวลา ทุกคนมีเท่ากัน 
เวลา คิดเป็นวินาที
เวลา ไม่มีการ ทอน ย้อนคืน 
เวลา ไม่มีคำว่าเหลือ 
เวลา ไม่รู้จักใคร
เวลา ยุติธรรม
เวลา ไม่เดินหนี แต่เดินไปเืรื่อย
เวลา ไม่มีคำว่าหมด

และเวลา มักจะเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่าสาย


         สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า  ไม่ว่าการทำงานใดๆก็แล้วแต่  ถ้าไม่ช่วยกันทำ  ไม่สามัคคี  เห็นแต่ความสะบายของตัวเองไว้ก่อนเพื่อนลำบากไม่สน  เวลาทำอะไรหรือนัดอะไรก็ขี้เกียจเข้า  มาสายๆขอให้งานตัวเองให้เสร็จก่อน  ส่วนรวมค่อยว่ากันหรือเห็นว่ามันไม่สำคัญค่อยเข้าก็ได้  ไม่ช่วยงานแล้วยังชวนคนอื่นให้ไม่ช่วยอีก  หรือ  แม้แต่ถ้ามาแล้วไม่มีจิตใจที่จะทำสิ่งนั้น  งานที่ทำทุกอย่างมันไม่สำเร็จไม่ออกมาดีหรอก

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว

         วันเวลามันผ่านไปเร็วเหลือเกิน  จนบางครั้งชีวิตมันเผชิญผ่านเรื่องต่างๆไปได้  โดยที่เราไม่รู้ตัวใน  บางก็ยังนั่งคิดคำถามในใจ  เฮ่ย นี่ชีวิตเรามาถึงจุดๆนี้แล้วเหรอเนี่ย  ไม่อยากจะเชื่อเรยย...  แต่ยังงัยชีวิตมันต้องก้าวเดิน  ต้องเผชิญในโลกนี้ต่อไปจนกว่าที่เราจะหมดลมหายใจ
         แล้ววันนี้ก็กลับมานั่งเสียใจกับเรื่องบางเรื่องกับคำพูดของคนบางคน  แล้วทำไมเราต้องไปสน  ไปเสียใจกับคำพูดของคนบางคนด้วยล่ะ  ทำไมล่ะ  ??  คำตอบคงจะอยู่ในใจของแต่ล่ะคนอยู่แล้ว  อาจเป็นเพราะ  เค้าอาจเป็นคนที่สำคัญที่สุด  รักมากที่สุด  ต้องการที่จะให้สิ่งที่ดีๆมากที่สุดแก่เขาก็ได้  มันอยู่ที่ว่าแต่ล่ะคนจะคิดอะไรเท่านั้นเอง
          ในตอนนี้  ขณะนี้  ในโลกนี้  อยากเงียบ  อยากอยู่คนเดียว  ไม่อยากพูดกับใคร  เวลามันคงจะรักษาเราได้เยอะเลยย

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันสุดท้ายของลิขิตชีวิต

       ไม่ได้เขียนนานเรย เพราะไม่มีเวลาว่างเลยทีเดียว  ตั้งแต่คะแนนสอบมิดเทอมออกก็ไม่อยากจะทำอารัยแล้ว พึ่งรู้ว่าชีวิตเด็กมหาลัยมันเครียสก็วันนี้และ เครียสจิงๆว่ะ มันมืดรอบด้านจิงๆ  ในหัวก็คิดแต่เรื่องแบบนี้ เราจะโดนทายไหม เกรดได้เท่าไหร่ ด็อปวิชาไหน ถ้าไม่ด็อปแล้วเปนยังงัย มันอยู่ในหัวตลอดเวลา  จะหันไปปรึกษาใครก็ไม่ได้  เพราะมันอยู่ที่ตัวเราเองนิ ทำไงได้เรา เราไม่ได้ฉลาดขั้นเทพเหมือนคนอื่นเค้านิ ก็ต้องยอมรับตามประสา มีแต่ความขยันเท่นนั้นแหละที่จะช่วยตัวเราได้  แล้วเมื่อไหร่ล่ะที่จะได้เอามันออกมาใช้บ้าง  นอกจากเก็บไว้ตลอดเวลา  เริ่มท้อแท้น่ะกะวิดว่ะเนี่ยย ยากจิงๆๆ
        หลังจากนั้นก็ขอเที่ยวให้หายเครียสหน่อยเหอะๆ พอเรียนดออิ้งเสร็จ  ก็ไๆปลั๊นล้าทันที  โดยไปตั้งแต่เที่ยวสวยสาธารณะหาดใหญ่  ให้อาหารปลา หาของกินชิวๆ  ไปให้พระบนยอดเขาให้สะบายใจ  ร้องโอแกะ จนไปถึงดูคอนเสริตอิมฟอมมัสกับอากิระ






          มีบางอย่างมากมายที่เข้ามาในชีวิตเรา  มีทั้งสิ่งดีและไม่ดี  มันอยู่ที่ว่าเราจะเลือกรับสิ่งดีๆนั้นเข้ามาไหม  หรือมัวแต่ปล่อยสิ่งเลวร้ายให้เข้ามาในชีวิตโดยไม่คิดถึงอารัยเลย  เราต่างหากล่ะที่ต้องเลือกมัน  ไม่ช่ายมันเลือกเรา  และ  สิ่งที่ดีที่สุด  มันดีที่สุดสำหรับเราแล้วยัง??  หรือ  เราคิดว่ามันดีที่สุดหรับหเราก็แค่เท่านั้นเอง
        
          ตั้งแต่วันจันทร์ได้สัญญากับคนๆนึงว่าจะไม่เบียนคัยตั้งแต่วันอังคาร  เราก็ไม่ได้เบียนคัยอ่ะ ถ้าเบียนก็เบียนน้อยสุด  แต่เราก็โดนเบียนตลอดอ่ะ  ก็ทนมาตลอดจนถึงจุดๆนึง  มันทำให้รู้สึกเซ็งในใจ  มันเบื่ออ่ะเพราะโดนสิ่งที่เราไม่ชอบทั้งนั้น  มีหลายอย่างเลย  บางเรื่องที่บอกว่าไม่ชอบก็ขออย่าพูดได้ไหม  แต่ก็ไม่เคยฟังกันเลย  บอกตรงๆมันเสียความรู้สึกอ่ะ  จะให้เถียง ให้เบียน  แรงๆ เหมือนปกติก็ไม่อยากทำเพราะเห็นเป็นเพื่อนเรา  ก็ได้แต่บอกตัวเองว่า "ทำใจ" แล้วก็เงียบ เพราะไม่อยากพูดอารัย เดี๋ยวก้อเค้าหาว่าเบียนอีก  ยังงัยเราขอโทดด้วยน่ะกัน  ผิดที่เราเองแหละที่ีทำตัวไม่ดีพอ...

ทรงผมใหม่บูมมัน หล่อเหี้ยๆโครตๆ

            สุดท้าย..แต่ยังไม่ท้ายสุด  ได้ดู Short Film หรือว่าหนังสั้นนี่แหละ เรื่องนึงชื่อว่า  หวานขม  Bitters Sweet   ดูมา 3 ตอนแล้ว จาก 13 ตอนและ ประทับใจทั้ง 3 ตอนที่ดูเลย แต่ชอบตอนนี่มีชื่อว่า  ที่วันนี้มากสุดแระ  โดยมันมีอยู่ว่า มีชาวต่างชาติคนนึง มาซื้อหญิงขายบริการ และได้เจอหญิงบริการคนนึง  โดยที่ชายต่างชาติคนนี้รักหญิงบริการคนๆนี้มากและรักมากอย่างหมดหัวใจ พร้อมที่จะแลกทุกอย่างได้ในชีวิต  โดยไม่แคร์เลยกับการที่หญิงคนนั้นมีลูกแล้วหรือหญิงคนนั้นจะเป็นยังงัยมาก่อน  สุดท้ายหญิงและชา่ยคู่นี้ก็แต่งงานกัน  อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
            ท้ายสุดดด  HBD  แมธธิว ด้วยค๊าบบ

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า...รัก


                  โอ๊ยยย  เหนื่อยยมากก เรียนทั้งวัน  ดัีงนั้นเราก้อต้องไปลั๊นลาอีกตามเคยยย อิอิ  ก้อเยยแวะเข้าไปโรงหนังอีกล่ะ  พูดได้คำเดียวว่า โดนมากก พี่โชนของนิชคุณ จุ๊ฟๆๆ  ไม่เสียแรงเลยที่จ่ายตังไปดู  แบบว่า พูดไม่ออกกันเลยทีเดียว  เข้าถึงทุกอารมณ์โครตๆ  อยากจะซื้อเก็บ DVD ไว้เลยค๊าบบ

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Guide มิตรภาพกับแว่น HBD>Ja&Pang

             วันนี้คุยเอ็มกับต้น  ต้นพูดถึงเรื่องมิตรภาพ  พูดกานไปพูดกานมาก้ออื้มคิดอารัยได้บางอย่าง  คำว่ามิตรภาพเนี่ย  มันบ่งบอกอารัยได้มากมายและหลายอย่างน่ะ  แต่มันคืออารัยล่ะ  ต่างคนพูดต่างๆนากันไป  บลาๆๆ  แต่เราคิดว่า  มันไม่สำคัญกับการที่  เราให้มิตรภาพกับเขาไปแล้ว  เขาเคยให้เรากลับมาบ้างหรือป่าวๆ หรือเรามีหน้าที่คอยให้ฝ่ายเดียวเท่านั้นเหรอ  น่าคิดน่ะ  เราทุ่มเทให้เขาทุกอย่างแต่สิ่งที่ได้กลับไม่มีเลย ถ้าอย่างนั้นเราจะให้ไปทำไมล่ะกับคนที่ไม่รู้จักคุณค่าของมัน  ไม่เห็นความสำคัญของมัน  ปล่อยให้เขาอยู่ของเขาคนเดียวเหอะ  แต่ในวันนึงเค้าคงเห็นความสำคัญของมันก็ได้  แต่มันก็สายไปแล้วแหละ  คงจะไม่มีแล้วสำหรับคำว่า  "มิตรภาพ"

         ซวย  1  เหนื่อยโว้ยยย มีแต่เหตุการณ์ซวยๆทั้งวันจิงๆ  เฮ่ย  หนักอกหนักจัยมากมายเลยทีเดียว วันนี้ทำงาน ไกด์ งาน มอ. วิชาการ วันแรก โห มะอยากจะเซดอ่ะ ตั้งแต่ตอนเช้าแระ ไปทำงานเกือบสาย เบื่อคนนัดจิงๆ (ภาเจ้าเก่านั่นแหละ) นัดเรา 7.30 นะ เราอุส่าบอก 7.45 รอหน้าโรงช้าง พอ เรามาตรงนัด ไม่เห็นแม้แต่เงาหน้ามือๆเลย  โทรถามว่าอยู่ไหน  บอกว่าดับของอยู่ที่ห้อง  แป่ววว เซ็งเรยย  เบื่อจิงๆกะพวกนัดแล้วมาไม่ตรงเวลาเนี่ยๆ  อิอิ  พอไปถึงเต้นไกด์นึกว่าสายแระ เช็คชื่อเรียบร้อย  แต่ก้อโล่งอกเรยย อิอิ เพราะว่าพี่ๆเค้ากว่าจะจัดเต้นไกด์ เสร็จก้อปาเอาไป 9 โมงครึ่ง ทัมเราลัีนลาไป  อยากจะบอกว่า เด็กเยอะมากก ไม่รู้ะมาทัมมัยให้มากมายกันนักกานหนา เพราะมันมีซ้ำๆ เหมือนกานทุกๆปี เซ็งจิงๆ อิอิ  แต่ก้อดีนะ มีแต่น่ารักทั้งนั้น 555+
           ซวย  2  พอทำงานไป 8.45  ก็นึกลังเลใจ  ว่าพลศึกษาเรียนป่าวว่ะ  ก็ตัดสินใจเดินจากประตูศรีตรัง  (ศุนย์บัญชาการไกด์ อิอิ)  กลับไปเปลี่ยนชุด  เป็น ชุด นศ ที่หอ  แล้วเดินไปคณะศิลศาตร์  ปรากฏว่าเห็นไฟที่ห้องติด  เลยนึกว่าเรียน  จึงรีบวิ่งขึ้นบันไดไปทันที   แต่พอไปถึงปรากฏว่า  แม่บ้านยืนทำควาามสะอาดอยู่  เซ็งเลยย  หรอกกุนี่หว่าา  จึงต้องวิ่งกลับจากคณะศิลศาสตร์ไปหอเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดทำงาน  แล้วเดินจากหอไปประตูศรีตังอีก  โห  โครตเหนื่อยจิงๆว่ะ

    ซวย  3  ในระหว่างเปลี่ยนเสื้อกลับไปทำงานนี่แหละ  ดันนั่งทับแว่น  เพราะลืมไปว่าตั้งไว้บนเตียงง  พอเรานั่งก็แอะใจนึสนึงแต่ก็ไม่ได้คิดรัยมากเพราะนึกว่านั่งทับไม้แขวนเสื้ออยู่ เพราะนั่งทับอยู่หลายอัน  พอลุกแค่นั้นแหละ  เม่งงง งานเข้าเรยเว้ยย  แว่นพังอีกแระ นั่งทับเลนกระจุ๊ย แว่นแตกกระจายเรยย แงๆๆ โครตเบื่อเรยย  เป็นอันที่ 108 ได้แล้วมั้งเนี่ยย ตัดจนพนักบิวตี้ฟูสนิทกับเราสนิทกานแระ  แค่เหยียบไปหน้าร้านก็รู้แล้วว่าต้องไปตัดแว่นใหม่  เฮ่ย  เพื่อนๆก็ถามกันว่า  ทัมมัยไม่ใส่คอนแท็คล่ะ จะได้ไม่หาย มึงก็เบ่งตาดูสิ  ตาเล็กแบบนี้  จะยัดเข้าเหรอออ  คิดบ้างสิ ก่อนจะถามอารัยอ่ะ อย่ามีสมองไว้กั้นหู  หุหุ  สุดท้ายก็ไปถอยแว่นใหม่มาอีก 2500  เฮ่ยย คิดในใจ ทัมมัยกุผลาญเงินพ่อแม่แบบนี้ว่ะ หมดไปกะแว่นมากมายแระ  แต่ที่มันซวยอีกก้อคือ  ไปตัดแว่นมาตอนวัดดูแระโอเค พอตัดมาแล้วเริ่มปวดหัว มันเข็มไป เซ็งอีกก ใส่ไม่ได้ปวดหัว  คงต้องเปลี่ยนเลนใหม่อีกรอบล่ะ หมดไปอีก 700 กินแกลบแน่เดือนนี้กุ
           ซวย  4  หลังจากทำงานเสร็จเพื่อไปดูหนัง  ปรากฏว่ามะด้ายดูอีก  รอบเต็มหมดเรยยย แงงง  ต้องนั่งรถกลับ เสียเวลาฟรีเลย  ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า  ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นยังงัยควรโทรจองรอบหนังก่อนทุกครั้ง  เพื่อความชัวๆๆ
           ซวย  5  หลังจากออกจากไดอาน่า  ปรากฏว่าฝนตกมากก  เปียกหมดเลยย  จนต้องเข้าไปในโลตัสเพราะฝนตกหนักมากก ไม่ไหวจิงๆๆ  เดินตัวเปียกในห้่าง  ดีน่ะ แอร์ไม่เย็นมากไม่งั้นตายเรยย
           พอกลับมาเสร็จก้อมีปาตี้งานวันเกิดไอจา  ที่ Aorgor Pub  ว๊าวๆๆ ฝนตกโครตๆอ่ะ  แต่ยังงัยเพื่อวันเกิดเพื่อนเราก้อต้องไป  อิอิ  ก็ได้ขอเพลง  Happy  Birthday  ให้จาด้วย อิอิ


งานเกษตร>>>>

             ก้อไปเดินมา 2 รอบแระ  รอบแรกเดินกะ  ภา  มิว  แล้วก้อเพื่อน  ภา  (จำชื่อมะด้ายแระอ่าา)  ส่วนรอบ 2  ก้อมี  อ้วน  ส้มโอ  (รูมเมดจากะตา)  ก็ไม่มีอารัยมากมายๆ มีแต่ของกินกะต้นไม้ จบป่าว  งานนี้ทำให้เราอ้วนอ่าา  ไปทุกทีมีแต่ของกินกลับมา  นิชคุณล่ะเซ็งงงง

ปล. นึกขึ้นได้  นันท์  อุส่ากลับมาจากจุฬา  แต่ไม่ได้ไปหา&โทร เรย
      อรุกะดิวและนิชคุณไปปาตี้กานที่  Mr.Joke&ไอติมโอ่ง  ก่อนน้องชูจะกลับหอ
      มะตูมรอดจากตึกถล่มของ ม.บู อิอิ

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ถึงบ้านแล้วโว้ยย

               เป็นรัยก้อไม่รู้ จะกลับบ้านทีรัย ฝนเม่งตกทุกที  วันนี้ก็เหมือนเดิมอีกซะ แวะซื้ของให้แม่ที่เซ็นทรัน พอลงมาที่จอดรถท่านั้นแหละ ฝนตกเม่ง เปียกหมดไปทุกส่วน  เฮ่ย มันซวยอารัยของกุว่ะ  แต่พอจะใกล้ถึงบ้านเท่านั้นแหละ  โห  ไม่มีฝนตกซักหยด  แงๆ ตกแล้งเราชัดๆ นางฟ้าจัยร้าย อย่าให้เจอน่ะ เดี๋ยวจะหอมแก้มซักที อิอิ
               กลับบ้านมาถึง ก้อเหมือนเดิมเลย นอน 555+ เพราะเมื่อวานประชุมดึก แล้วยังไปหารัยกินอีก ได้นอนเกือบ ตี 4 อิอิ  แต่รู้สึกกลับมาครั้งนี้  เป็นสิ่งที่ดีๆจิงๆ แม่ปลุกตื่นมาตอนเย็น  อาบน้ามเสร็จแล้วก้อได้ทานข้าวร่วมกะครอบครัวกันพร้อมหน้า ซึ่งไม่ได้ทานมานานแล้วว  ที่สำคัญ  แม่ซื้อของโปรดมาให้อีกและ อิอิ อิ่มโครตๆเลยอ่ะ  จากนั้นก้อนั่งคุยกัน บราๆๆ ตามภาษาคนแก่ๆกัน  เด็กๆอย่างนิชคุณเลยเซ็งๆ  เฮ่ยยย  แต่สุดท้ายก้อได้ข้อคิดดีๆมามากมาย
              เปิดทีวีมาดูข่าวๆหนี่ง  โอโห  ประทับใจมากก มีแม่คนนึงเป็นมะเร็งแล้วกำลังท้องอยู่ด้วย  แต่ไม่ยอมรับการรักษา เพราะรู้ว่าถ้ารักษา สารเคมีหรือสิ่งอันตรายจะเข้าสู่ตัวลูก  ยอมให้ลูกคลอดออกมาก่อนแล้วจึงไปรักษา  แต่ผลสุดท้ายมันสายไปแล้ว สายเกินกว่าจะที่รักษา  ถ้าเป็นคนๆอื่น  คงจะรักษาตัวเอง  ให้เอาลูกออกไปก่อน  ทัมยังงัยก็ได้ให้ตัวเองหาย  แล้วจะท้องใหม่ค่อยว่ากัน  แต่แม่คนนี้ไม่เลย  ยอมที่จะทนทุกข์ทรมาน  รอจนกว่าลูกจะคลอดๆแล้วรักษาตัวเอง  เพราะกลัวว่าลูกจะได้รับอันตรายจากการรักษา  เป็นแม่ผู้ประเสริฐ์แท้ๆ
              ปล.  ขอบขอบคุณพ่อกะแม่ ที่ทำให้เราเกิดมา  ปู่กะย่าที่คอยอบรมสั่งสอน แล้วก้อ ลุงพนธ์กะป้ารมณ์ ที่คอยให้คำแนะนำตลอดเวลา  และอีกมากมายๆที่กล่าวไม่หมด  ว่างๆก้อมาทานข้าวกันอีกนะคับๆ  ขอขอบคุณจิงๆ
              ปล.2  รู้สึกเขียนไม่ค่อยดีเลยวันนี้ อาจเพราะรีบเขียน เวลาหมดแย้วว อ๊ากก ไปล่ะๆๆ

                   

วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บุญชู..จะอยู่ในใจเสมอ เหรอ


              ไปดูหนังเรื่องนี้มา จะบอกว่าเป็นหนังไทยเรื่องที่ 3 ในชีวิตที่ดูในโรง ก้อขอบอกว่า หนังไทย เสียเงิน เสียเวลา เสียอารมณ์ อีกตามเคย ไม่รู้่ดิ เป็นรัยที่หน้าเบื่อมากก เปิดเรื่องมาก้อไม่ค่อยจะดี  ยิ่งดูโมลี (บทเมีัยของบุญชู)  แล้ว รู้สึกตีบทไม่แตกเลย ไม่ค่อยแสดงเข้าถึงอารมณ์ของตัวที่แสดงเลย จะดีหน่อยก้อมีจันทร์ผากับจันทร์หอมนี่แหละ พอจะมีฉากรักมาทำให้ไม่น่าเบื่อ แล้วก้อพวกโจรที่ตลกอยู่บ้าง เสือปลอมมาเลียก้อไม่เนียน  จันทร์ผาเวลาต้องการอะไร ก็ล้วงในกระเป๋าแบบไม่ต้องดู เจอทุกอย่าง ไม่ต้องหากันเลยทีเดียว แบบว่ากระเป๋าวิเศษ  ส่วนมุกตอนจบก้อหักมุมอีกตามเคย โดนยิงแระไม่ตาย  บอกตรงๆน่ะ ถ้าบุญชูตายอ่ะ จะอยู่ในใจเสมอมากกว่านี้อีก มันซึ้งแล้ว ไม่มาซึ้งก้อตอนหักมุมนี่แหละ เซ็งจิงๆ (แต่ถ้าตายภาคหน้าจะมีอีกเหรอออ) ดูแล้ว 2/10 เท่านั้นแหละหนังแบบนี้  ปล.อาจเพราะหนังไม่สนุกมั้ง จึงนั่งจับผิด

สรุป..1) จาก 3 เรื่อง วีดีโอคลิป ปิดเทอมใหญ่ บุญชู ท่าทาง ปิดเทอมใหญ่จะดีสุดแระ  2) จะรอดู กวนมึนโฮ กับ สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก ดูไตเติลแล้วน่าดู แต่ไม่รู้จะเป็นเหมือนเดิมป่าวๆ



           พรุ่งนี้นัดประชุมกรุ๊ป ไม่รู้จะมาตรงเวลากันอีกป่าว พูดแล้วหนักใจๆ เราว่ากว่าได้พูดก็เข้าคาบฟิพอดีแหละ แต่ยังยังก้อเชื่อมั่นในกรุ๊ป R ละกัน ว่าต้องตรงเวลากันทุกคนๆ  ปาเอาเกือบตี 2 แล้ว นั่งบ่นรัยอยู่ได้เนี่ยๆ นอนดีกว่า

วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

I Say ..

          ว๊าวๆๆ ในที่สุดก้อได้ฤกษ์ เปิดไดอารี่ใหม่ซะทีๆ หลังจากที่เงียบหายไปนานเพราะไม่มีเวลาเยย มีเรื่องจะเซดมากมายเลยทีเดียววว
          เริ่มตั้งแต่ทรงผมใหม่ ไม่อยากจะบอกว่าเสียดายผมโครตๆอ่ะ ไม่น่าเรยย ถ้าไปตัดกับไอโอ๊ต กาญกาย ตั้งแต่แรกก้อดีอยู่แล้วว พอร้านใต้หอเท่านั้นแหละ งานเข้าโครตๆเลยอ่า



         แล้วก้อมาถึงการประกวดาว-เดือน ก้อไม่เข้าจัยเหมือนกาน ว่าก่อนสอบจะต้องมาทำอารัยแบบนี้ เฮ่ย กุละหนักอก  แต่ผลสุดท้ายมันก้ออกมาดีๆ  ไอเต่าได้ตั้งที่ 5 แนะ นี่ถ้าไม่ตอบเกรียน ที่ 1 จะไปไหนล่ะ 555+  การทำงานร่วมกันครั้งนี้ ก้อสอนอารายๆมากมายๆ ได้รู้ถึงนิสัยของแต่ล่ะคนในกรุ๊ป ทำให้รู้ว่า เราต้องใช้ชีวิตอยู่กะเพื่อนๆยังงัย  และเพื่อนก้อสอนให้เรารู้หลายๆอย่าง ขอบคุณจิงๆจากใจ Group R...


           ดาว เดือนเสร็จ คราวนี้ก้อมาสอบกาน อ่านกันทุกวันเลยว่ะ แต่ไม่เข้าสมองกานเรยทีเดียวว เซ็งอีกตามเคยย อ่านกันตั้งตายอ่ะ แต่ก้ไม่เข้าจัย พอวันสอบมาถึง ทำไม่ได้อีกล่ะ เม่งฟิสิก ตรงข้อสอบเก่าโครตๆทัมมัยไม่จำว่ะ เอาสมองไปจำอารัยเนี่ยย  พอสอบเมนเอ็น ก้อไม่รู้นึกช็อตอารัยมาอีก กอลิล่า มีพันธ์ในเมืองกะนอกเมือง ยังไม่พอ ยังตอบกินยูครลิปตัสอีก ไม่อย่าเซดกับตัวเองเรยย แต่ก้อตั้งคำถามในใจน่ะ สอบบางวิชาเนี่ยย "ข้อสอบมันยาก หรือกุโง่่เองว่ะ"



             เครียสสสไม่รู้ทัมงัย เลยไปวิ่งรอบอ่าง คนเยอะเยอะเลย น่ารักโครตๆ 555+ เริ่มหม้อแระกุ  ก้องง ทัมมัยคนๆถือแต่กล้อง พึกนึกขึ้นได้ก้ออ๋อเลยย ทำโฟโต้นี่เอง นี่แหละ อนาตควิชาในเทอม 2 ของกุ อิอิ  ก้อเลยลองมือ ถ่ายภาพบรรยากาศสวยๆมาได้ๆ


            สุดท้ายยแล้ว ก้อเลี้ยงหมูกะทะกานเพราะไอผีกลับมาๆ ตอนแรกชวนกุกินเหล้า เม่ง กินเป็นซะทีไหนล่ะ แต่ก้อเผลอกินเบียร์ไปซะงั้น อิอิ  555+

Ohh iChoozaDiary

แนะนำตัวเจ้าของซะหน่อยๆ


              ผมชื่อเล่นชื่อ ชู ครับ เป็นคนธรรมดาคนนึงบนโลกใบนี้ ที่อยากทำตามความฝันของตัวเอง สอบติดวิศวฯคอม ม.อ. ก็เลยเรียนอยู่ที่นี่ เป็นคนที่เพื่อนๆบอกว่า "เกรียน" โครตๆ ซึ่งผมว่าไม่จิงเลย!! ว่างๆชอบถ่ายรูปเล่น เป็นผู้ชายใจร้อน ปากจัด ติดเพื่อน รักการสังสรรค์และท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ทำอะไรตามใจตัวเอง ขี้เบื่อ ชอบคนง่าย รักคนยาก แต่ถ้ารักใครแล้วรักทั้งชีวิต...


คำคมที่ชอบ :

หลายครั้ง ที่เรามีเรื่องไม่สบายใจ หรือล้มเหลว หรือไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำอยู่จะสำเร็จหรือไม่ มีคำถามที่เราต้องถามตัวเอง ว่า
1) เราทำดีที่สุดแล้วยัง
2) นี่คือทางเดินที่เราเลือกใช่ไหม่
ถ้าคำตอบทั้งสองข้อคือ ใช่
ก็แค่ปรับปรุงในข้อบกพร่อง แล้วพยายามต่อไป

หากการตัดสินใจอะไรยากๆ ถ้าหากตัดสินใจด้วยเหตุผลแล้ว ได้ซัก 80% ขาดอีก 20% คงต้องใส่ "ความศรัทธา" ลงไป จะได้เต็ม 100%

"ชีวิตทำอะไรให้ เต็ม 100 เสมอ"