บันทึก Staff งานวิ่งครั้งแรก
ประมาณตีหนึ่งกว่าๆ ผมไปอยู่จุดให้น้ำนักวิ่ง mini marathon ตรงจุดกลับตัว ก็คือ ประมาณ 5 กิโลกว่าๆ ตอนนั้นก็จะเก็บจุดล่ะ คือคิดว่าคนน่าจะหมดแล้ว เพราะเห็นรถเทศกิจขับรถเก็บกรวยมาเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยข้างผมก็วอถาม ปรากฏมีหว่ะ หืออ ไหนว่ะ เห็นทางนี่เงียบมาก... จากนั้นแสงสว่างไฟฉุกเฉินรถพยาบาลก็เริ่มสว่างขึ้น เข้ามาเรื่อยๆ เราก็แบบเห้ย มีคนวิ่งจริงๆ นับถือใจคนนั้นเลย คือเราว่ามันกดดันมากน่ะ เวลาเหลือคนสุดท้ายอ่ะ นอกจากกดดันตัวเองให้ทำให้ได้แล้ว ยังกดดันสภาพแวดล้อมอีก ไหนรถพยาบาลตามหลัง ไหนรถตำรวจคอยขนาบข้างดูแลรักษาความปลอดภัย
เขาก็วิ่งมาเรื่อยๆจนเห็น ว่ามีสองคนว่ะ เป็นน้องผู้ชาย คนอ้วนคนนึง แล้วก็เพื่อนคนผอมอีกคน โดยตลอดทางที่เห็นคือ น้องคนผอมจะวิ่งนำหน้าไปสักนิด แล้วจะหันหลังกลับมาดูเพื่อน พร้อมวิ่งถอยหลังไปข้างหน้าพร้อมๆกัน ทำแบบนี้ตลอดเวลา พอมาตรงจุดให้น้ำ ผมก็ถามว่าเอาน้ำไหมครับ น้องบอก เดี๋ยวค่อยเอาอีกฝั่งนึงครับ โอเค ผมก็บอกให้น้องๆช่วยย้ายโต๊ะให้ไปอีกฝั่ง น้องกลับมาจะได้ดื่ม ไม่ต้องเก็บโต๊ะน่ะ แล้วก็นั่งรอน้องประมาณเกือบ 20 นาที ทุกคนตอนนั้นผมดูสีหน้าแล้วเข้าใจความรู้สึกดีของคนทำงาน มันหนื่อย มันง่วงแล้ว อยากกลับบ้าน แต่ไม่รู้แหล่ะ น้องบอกก็ต้องรอ ผมก็พูดขึ้นมาว่า mini marathon รู้สึกเขาจะให้ time out 2 ชม.ครึ่ง ใช่ไหมครับ นี่แค่ ชม.กว่าๆ เองน่ะ พี่อีกคนนึงก็บอกใช่ มีสิทธิจะวิ่งจะเดินก็สิทธิของเขา ทุกคนก็ไม่พูดว่าอะไรต่อ
พอน้องเขามาถึงอีกครั้ง ก็แวะดื่มน้ำ แต่เหมือนน้องจะไม่อยากดื่มแฮะ รถพยาบาลก็เรียกน้องผู้ชายคนผอมเข้าไปคุย ว่าจะวิ่งถึงตอนไหน น้องเขาต่อลองเวลาไป แล้วเดินออกมา พาเพื่อนวิ่งต่อ ผมได้แต่บอกว่า สู้ๆครับ เข้าเส้นชัยให้ได้ แล้วก็เก็บจุดรถมารับกลับศูนย์ประสานงาน จากนั้นผมก็หาอะไรกิน เคียร์เงินอะไรเรียบร้อย ก็แวะไปถามพี่ที่จุดแจกเหรียญเข้าเส้นชัย ว่าน้องสองคนมายังครับ พี่เขาบอกว่าไม่มาเลย วอถามไปใกล้ถึงล่ะ เราก็เออ น้องจะถึงเปล่าว่ะ แต่คือยังไงผมเชื่อในตัวน้องเขาว่าไม่ยอมแพ้แน่นอน น้องคนผอมต้องลากเพื่อนเข้าได้แน่ๆ ก็ชวนเพื่อนอีกคนยืนรอ
และแล้วไฟฉุกเฉินมาอีกครั้ง ใกล้เข้ามาสว่างขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับกลุ่มรถจักรยานยนต์สองกลุ่มใหญ่คือ รถตำรวจและรถกู้ภัย มาเกือบ 20 คน แลดูยิ่งใหญ่ชิบหาย 5555 ผมรีบวิ่งไปจุดเข้าเส้นชัยที่ร้าง เพราะไม่มีนักวิ่งอยู่เลย ไม่กลับกันแล้ว ก็ไปถ่ายรูปหน้าเวทีกันหมด มีแต่ Staff ที่คอยแจกเหรียญ
จากนั้นก็เห็นผู้ชายสองคนนี้ก็เข้ามา ผมโครตอึ้งเลยหว่ะ นับถือใจน้องสองคนจริงๆ จังหว่ะนั้นคือปรบมือให้รัวๆอยู่คนเดียวเลย เพราะไม่มีใครเลย ไม่แคร์สายตาสต๊าฟคนอื่นแม่งล่ะ โครตดีใจแทน แล้วพูดออกไปว่า คิดไว้แล้วว่าต้องทำได้ เยี่ยมเลยครับ คุณแม่ก็เข้ามาขอบคุณใหญ่เลย แล้วก็ได้ยินคำนึงที่น้องคนผอมบอกว่า "มึงทำได้แล้วน่ะ 10 กิโล" เหยดดดเขร้ แม่งเอ้ยย สำหรับเราเวลาสู้เพื่ออะไรสักอย่าง พอมันสำเร็จจะมีความหมายมากจริงๆ เชื่อว่าน้องเขาคิดเป็นอย่างนั้น และคงตั้งใจไว้แล้วว่าเอาชนะให้ได้ ขอเพื่อนแบบนี้สักคนได้ไหม คนที่พร้อมจะไปด้วยกัน รู้สึกพลาดที่ไม่ได้ลงแข่ง แต่รู้สึกดีที่ได้เจอเรื่องแบบนี้น้องแมร่งเป็นแรงบรรดาลใจให้อยากวิ่งจริงๆน่ะ เติมเชื้อไฟอย่างดีเลย หวังว่ามีโอกาส จะได้ร่วมวิ่งด้วยกันสักครั้งครับ
เราอาจจะชนะ หรือ อาจจะแพ้
แต่ถ้า เราไม่สู้
.
.
..เรา แพ้ แน่นอน
.
แต่ถ้า เราไม่สู้
.
.
..เรา แพ้ แน่นอน
.
สำหรับผมนั่งวิ่งทุกคนควรได้รับเสียงปรบมือทั้งหมด เพราะเขาเอาชนะตัวเองได้ แต่คนที่พิเศษคือ คนที่เข้าคนแรก เพราะเขาเก่ง และคนที่เข้าสุดท้ายเพราะใจแกร่ง : )