วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เปิดหมวก #CoEทำดีเพื่อสังคม

              เคยไหมครับ? เวลาเดินไปตลาดหรือที่ไหนที่เราไปทำกิจกรรมคนเยอะๆ งานสำคัญๆ มักจะมี ไอพวกแหกปากร้องเพลงดังๆ มายืนถือกล่องบริจาคเงินตลอด ที่มักเรียกตังเองว่า "เปิดหมวก"

ผมคิดมาตลอดจนถึงปี 3 ว่า ลำคาญพวกแมร่งนี้ชิบหายเลย อะไรสักที คือบางทีกรูไม่อยากให้ไง ไม่ได้อยากฟังเพลงเมิงร้องเลย ร้องก็ไม่ใช่เพราะอะไรมากมาย พอเดินผ่านก็เอากล่องมาจ่อๆต้องให้มันอีก แถมถ้ามีคนรู้จักก็ถูกให้ไปเยอะอีก เดี๋ยวเสียหน้า เดี๋ยวให้น้อยแล้วมันขอเพิ่มก็ต้องให้เพิ่มไปอีก มีทางเดียวคือเดินไปทางอื่น ไม่ก็เดินห่างๆ ให้พ้นๆไป

ซึ่งในระหว่างนั้นก็มีทั้งเพื่อนทั้งรุ่นน้องที่ทำค่ายอาสาฯ ชวนไปทำกิจกรรมแบบนี้ตลอด (คงเห็นว่าผมเป็นเด็กสายค่ายเหมือนกัน) ผมก็บอกไม่เอาโว้ย ไปทำอะไรก็ไม่รู้ทำไมให้ลำบาก ขอสปอนเซอร์ไปดิ เสียเวลาชีวิตชิบหาย จนผมถูกอาร์ม (เพื่อนในรุ่น) ว่าตลอดว่า "อันนี้ค่ายอาสาฯน่ะครับชู เพราะมึงมันทำแต่ค่ายคนรวยไง มึงไม่ทำค่ายจนๆแบบกูมึงไม่รู้หลอก" เหี้ยยยอาร์มมม คำพูดมึงมันจี๊ดไปในใจจนจำได้ถึงทุกวันนี้

ตลอดเวลาอยู่มหาลัยมาผมทำค่ายเยอะน่ะ ปีนึงไม่ต่ำกว่า 2 ค่าย หลักๆก็คือ Robotic Camp CoE PSU กับ ค่ายของ สภาเด็กและเยาวชนเทศบาลเมืองคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่ผมเป็นประธานอยู่ ก็ทำมาเรื่อยๆทุกๆปี ส่วนใหญ่จะเป็นค่ายทางวิชาการและสิ่งแวดล้อม เลยค่อนข้างที่จะหาผู้สนับสนุนได้ง่าย ถ้าค่ายในนามภาคฯ ภาคฯก็จะออกส่วนใหญ่ให้และส่วนหนึ่งเก็บจากผู้เข้าค่าย หรือหาปอนเซอร์ร้านใหญ่ๆมาเพิ่มอีก (เช่นใน COE-COMCAMP22 ก็สปอนเซอร์จากหาดทิพย์แล้วก็เต่าเพชรคอมพิวเตอร์ ก็ได้รางวัลมาแจกเด็กเยอะมาก) ก็ทำให้งบพอที่จะจัด หรือค่ายของทางสภาเด็กฯเอง เทศบาลก็จะออกค่าใช้จ่ายให้ ทั้งหมด เอกชนพร้อมเข้าหา ก็สบายเรื่องงบ

จนพอมาอยู่ปี 4 ไฟล์บังคับต้องมาทำค่ายอาสาพัฒนาค่ายหนึ่ง (ซึ่งไม่เคยลองทำมาก่อน) ที่เรียกว่า "ค่าย #CoEทำดีเพื่อสังคม" เป็นค่ายที่พวกเรานักศึกษาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จัดต่อๆกันมา จากรุ่นสุ่รุ่น โดยจะออกไปทำประโยชน์ให้สังคมอะไรก็ได้ อยู่ที่พวกเราวางแผน จนมาถึงรุ่นผมก็จัดการมาประชุมร่วมกัน ว่าจะไปพัฒนาและทำกิจกรรมในโรงเรียน โดยหัวใจที่สำคัญคือ ต้องหางบให้ได้มากที่สุดเพื่อซื้อของให้น้องๆและนำเงินมาซื้ออุปกรณ์พัฒนาโรงเรียน ยิ่งเราได้เงินมาเยอะเท่าไหร่ ก็จะได้ซื้อของและพัฒนาโรงเรียนให้ดีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

ก็มาถึงประชุมเรื่อยๆเรื่องงบ ผมก็ยังสนับสนุนตามทางเดิม คือของบประมาณจากหน่วยงานหรือเอกชน ง่ายไม่ต้อเหนื่อย จนมีคนเสนอในที่ประชุมว่า มีกิจกรรมเปิดหมวกหาเงินดีไหม? ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าควรมี น่าจะได้งบมาเพิ่มบ้าง เอาก็เอาว่ะ จากนั้นวาดแผนกัน ทั้งสถานที่และวันที่จะไป ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ จะไปเปิดหมวกรับบริจาคกันในงานเกษตร ม.อ. ที่จะมาถึงพอดี ฝ่ายประสานงานก็รับเรื่องทำหนังสือส่งไปคณะเกษตร ว่าจะไปขอรับบริจาคในงานนี้

พอวันจริงมาถึง หน้าที่ผมก็ออกแบบป้ายและทำป้ายติดกล่องรับบริจาคอะไรเรียบร้อย ก็เอามาให้พวกรับหน้าที่เปิดหมวกไป เพื่อนก็เลยชวนๆไปด้วย เอาจริงๆผมไม่ได้อยู่หน้าที่นี้หลอก แต่ก็เอาว่ะ ไปก็ไป ไม่มีอะไรค่อยกลับ เดี๋ยวไม่ไปช่วย โดนเบียน โดนดราม่าอีก รุ่นนี้ตัวแม่ทั้งนั้น ฮาาา

พอไปถึง ก็เริ่มจัดการเปิดหมวกร้องเพลง เพื่อนก็ช่วยๆกันพยายามทำให้ดีที่สุด ไม่เปิดลำโพงดังจนรบกวนร้านข้างๆที่ทำมาหากิน ไม่ถือกล่องจ่อคนเดินผ่านไปมาเหมือนบังคับว่าเขาต้องให้ ใครไม่ให้ให้เราก็ยิ้มให้เสมอ เพื่อนๆใครเดินผ่านก็ทักเป็นธรรมเนียม แต่ก็ไม่ใช่บอกว่ามึงต้องให้น่ะ ใจเขาใจเรา นึกถึงเวลาเราโดน

พอค่ำๆงาน ACM แข่งเสร็จพอดี ก็แบ่งคนกลับภาคไปขนลูกโป่ง ACM มาแจกเด็กๆที่มาบริจาค กว่าจะเดินมาถึงที่จุดเราเปิดหมวก ระหว่างทางเด็กก็มาขอลูกโป่งไปเยอะล่ะ ฮาา พอเอามาตั้งไว้ก็ได้ผลดีแฮะ นอกจากเป็นพร๊อบเก๋ๆแล้ว เด็กๆเห็นแล้วอยากได้ก็ชี้ๆ พ่อแม่ก็มาบริจาคเงินเอาลุกโป่งไปให้ลุกถือน่ารักๆกัน ผมชอบภาพที่พ่อแม่ให้เงินลูกมาบริจาคมากนะ ผมว่าเป็นอะไรที่แมร่งโครตดีอ่ะ 

จนมาถึงจุดๆนึง จุดที่ยืนถือกล่องจนเหนื่อยล่ะ จุดที่คนอื่นก็เริ่มล้า มันแอบคิดในใจ ว่าน้องโรงเรียนที่เราไป เขาจะรู้ไหมว่าพวกพี่ๆ กว่าจะได้ตังค์แต่ล่ะบาทไปช่วยน้องมันลำบากแค่ไหน เขาจะรู้ไหมว่า ไอที่พี่เหนื่อยๆแบบนี้ พี่ทำเพื่อน้องน่ะเว้ย และเขาจะรู้ไหม ว่าคนมีน้ำใจที่จะช่วยเหลือเขามันมากแค่ไหน ทุกคนมาช่วยด้วยใจจริงๆ

ป้าขายน้ำผึ้งมะนาวฝั่งตรงข้าม แกใจดีมากตักใส่ถังน้ำใหญ่มาให้ตลอด เยื้องกันร้านแคปหมูก็ให้แค๊ปหมูมาทานอีกระหว่างเปิดหมวก เราก็เปิดหมวกไป ประชาสัมพันธ์ให้ร้านไปอีก ก็ฮากันไป แถมตอนจบก็เดินเรี่ยไรเงินจากแม่ค้าในงานก็ได้มาเยอะอีก ผลงานจากที่ทุกคนเหนื่อยกันมา ได้เงินมา 27000฿ มันคุ้มค่าจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะตัวเงิน แต่ทุกๆอย่างที่เราได้มาวันนี้

จนตอนนี้ผมได้คำตอบล่ะครับ ว่าไอที่ไปแหกๆปากร้องเพลง ที่ในสายตาคนนิสัยแบบผมคิดว่า ไอพวกสร้างความรำคาญ ทำไปเพื่ออะไร ยอมเหนื่อยไปเพื่ออะไร เราเสียอะไรไปและได้อะไรกลับมาบ้าง หลังๆมา ถ้าเจอพวกเปิดหมวก ภาพตัวเองแมร่งมันลอยมาทุกที ก็พยายามบริจาคให้ไปตามกำลังตัวเองเท่าที่จะให้ได้ 5 บาท 10 บาท บ้างก็ว่ากันไป ไม่ได้รวยแต่ก็อยากให้บ้าง

จนตอนนี้อยากบอกอีกอาร์มว่า กูรู้แล้วความรู้สึกนี้มันเป็นไง ถ้ามีโอกาสจะพยายามลดค่ายคนรวย หันมาทำค่ายคนจนมากขึ้น โอเคน่ะ อย่าด่ากูอีก กูเจ็บ 555555

จากประสบการณ์เด็กหน้าคอมทำค่ายอาสาครั้งแรก




วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558

ASEAN+3 Youth Social Contributors for Caring and Sharing Communit



             หลังจากได้ไปร่วม การประชุมเชิงปฏิบัติการเยาวชนอาเซียน+3 “จิตอาสาเพื่อชุมชนแห่งการดูแลและเอื้ออาทร” ระหว่างวันที่ 17-21 กันยายน 2558 ณ โรงแรมรัชดาซิตี้ กรุงเทพมหานคร ก็กลับมาเขียนสักนิดก่อนที่จะลืม การประชุมครั้งนี้น่ะครับเป็นการประชุมปฏิบัติการของตัวแทนใน ASEAN+3 โดย 10 ประเทศในอาเซียนก็จะมีไทย พม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม ลาว กัมพูชา บรูไน และเพิ่มอีก 3 ประเทศคือ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยตัวแทนจากไทยที่เห็นๆก็จะมาจาก สภาเด็กและเยาวชนฯ แล้วก็นักศึกษาจากมหาลัยฯต่างๆ ทั่วประเทศครับ ซึ่งมาร่วมพูดคุยแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับจิตอาสาฯ แล้วก็ได้มีโอกาสทัศนศึกษาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รวมถึงทำกิจกรรมบำเพ็ฐประโยชน์ที่สถานสงเคราะห์ ใน อ.ปากเกร็ดด้วย เป็นอีกงานที่ English all the time ก็สนุกดี ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ปนๆกันไป


สักนิด คนยังไม่มา ><

           กิจกรรมสองวันแรกจะเน้น ปาฐกถา บรรยาย แล้วก็ discuss กันในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมอาเซี่ยน ผมไล่เรื่อยๆไปเลยล่ะกันครับ

วันแรก 17 กันยายน 2558
อภิปราย "อนาคต.. กับความท้าทาย เมื่อเป็นสังคมเดียวกัน"
อภิปราย "อนาคต.. กับความท้าทาย เมื่อเป็นสังคมเดียวกัน"
1. ดร.เอราวัณ ทับพลี นายยกสมาคมนักธุรกิจเอสเอมอีรุ่นใหม่
2. ดร.สรรเสริญ เลาหสถิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
3. ดร.วัลภา วิศวสุขมงคล มูลลิธิสายใยแห่งความหวัง
4. นายศิริพงษ์ ศรีอาค๊ะ ผู้แทนกองอาเซียน สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ความฝัน
อภิปรายกลุ่มย่อย ."ค้นหาอนาคตกับความท้าทาย เพื่อสร้างสรรค์ประชาคมสังคมและวัฒนธณรมอาเซี่ยน"
โดยพูดคุยกันในประเด็น
1. การพัฒนามนุษย์
2. การลดช่องว่างการพัฒนา
3. คุ้มครองและสวัสดิการสังคม
4. ความยุติธรรมและสิทธิ
5. ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
6. การสร้างอัตลักษณ์อาเซี่ยน


วันที่สอง 18 กันยายน 2558
ASEAN Single Community 2015 
บรรยาย เยาวชนไทยพร้อมเข้าสู่อาเซี่ยน & การใช้สื่อสร้างสรรค์
โดย นายอโณทัย อุดมศิลป์ ผ.อ. สถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส

พิธีเปิด โดย อธิบดีกรมกิจการเด็ก

พิธีเปิดเสร็จเรียบร้อยก็เป็นการให้ชมนิทรรศการอาเซี่ยน จากประเทศต่างๆ ก็คือผู้แทนเยาวชนที่มานั่นแหล่ะครับ พกของมานำเสนอด้วย ของไทยมานำเสนอเกี่ยวกับ Innovation ซึ่งผมว่าไม่เกี่ยวกับงานสักเท่าไหร่ แต่น้องๆน่ารัก มาจาก รร.ปิยะมหาราชาลัย จ.นครพนม ในโครงการเคลื่อนโลกไปด้วยกัน Move World Together ที่มานำเสนอคือเป็น หวด นึ่งข้าวเหนียว ดัดแปลงให้มีตรงกลางขึ้นมากระจายความร้อนทำให้ใช้พลังน้อยลง

กัมพูชา

เวียดนาม

เวียดนาม

จีน ด้านขวานี่ Zhuojun winner China got talent 2011
เมียนมาร์
อินโดนีเซีย
จากนั้นผู้แทนเยาวชนอาเซียน+3 ออกมานำเสนอผลงาสนด้านจิตอาสาในประเทศของตัวเอง





จากนั้นจะเป็นงานอาเซี่ยนไนท์ ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาน่ะ เพราะว่าต้องขึ้นแสดงด้วยเลยไม่พกกล้องไป ก็คือให้ทุกๆประเทศแสดงการแสดงสั้นๆของแต่ล่ะชาติตัวเอง ร้องเพลงบ้าง เต้นบ้างก็ว่ากันไป ส่วนไทยเนื่องจากคนเยอะเลยแยกเป็นการแสดง 4 ชุด ผมก็ได้ชุดทางใต้ไปตามล่ะเบียบ ก็ออกแสดงไปรำพัด ครับ

สรุป 2 วันแรก ประเด็นที่ผมสนใจ
1. หลายๆประเทศเรียนภาษาไทยแล้ว ตัวแทนบางประเทศที่มานี่ พูดไทยได้น่ะ ผมขึ้นลิฟท์โรงแรมเผลอพูดกับเพื่อนไป "ฟิลิปปินคนนี้พูดไทยได้นี่หว่า" แล้วมีฟิลิปปินส์ในลิฟท์พอดี -0- บอกว่า "ใช่พูดกันได้" เขาถามกลับมาว่า แล้วคนไทยพูดฟิลิปปินส์ได้ไหม อึ้งสิครับจะรออะไร แค่ English ก็จะตายล่ะ 5555
2. AEC ก็คือการตกลงหาประผลประโยชน์ของคนชั้นบน ที่คนชั้นล่างอย่างเราปฏิเสธไม่ได้ มันเหมือนการแอดมิชชั่น คุณจะพร้อมไม่พร้อมก็ต้องแข่งแล้ว มาบอกว่าไม่พร้อมไม่ได้ ยกเว้นว่าจะถอนตัว ซึ่งมันไม่ได้แล้ว ทุกอย่างดำเนินการไปหมดแล้ว
3. มีเพื่อนจากไทยถามว่า จริงๆไทยพร้อมหรือยังที่จะเข้า AEC ชอบคำตอบของ ผ.อ. ศูนย์อาเซี่ยนศึกษา ม.ราชภัฐเพชรบุรี บอกว่า จะเอาตำตอบไปทำไม ผมบอกแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นไหม ไม่ต้องไปสนใจ โฟกัสอย่างเดียวคือเราต้องทำยังไงให้สู้เขาได้ มีผลกระทบอะไรต่อเราไหม เราลำบากรึเปล่า มองที่ตัวเรา
4.ความท้าทาย แตกต่าง>ปรับตัว>ยอมรับ>ศึกษา คนฉลาดจะตักตวงจากศัตรู ได้มากกว่าคนโง่ที่ฉกฉวยจากคนฉลาด
5.ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัว (วัดจากประชากรมากกว่าร้อยล่ะ 7% ของอายุ 65 ไทยอยู่ที่ 9% แล้ว)
5.ผู้แทนจากจีน บอกว่า เวียดนาม ของจีน เริ่มขายของเป็นภาษาไทยแล้ว
6.สื่อหลักของแต่ล่ะประเทศเกือบทุกประเทศโปรโมท AEC ผ่าน TV (Work together to promote) แต่ไม่ได้ใช้ช่วงเวลา prime time เลย (กัมพูชา TV ,Media Cope สิงคโปร, อินโดนีเซีย TV, บลาๆ) ผ.อ.วิชาการสื่อสารธาณะ ThaiPBS บอกว่า มันต้องเจาะมากกว่านี้ เหมือน GenY เขาไม่ดู TV แล้ว เขาเสพข่าวจาก Social Media อย่างเดียว ต้องทำไงถึงเขาจะได้ทราบข้อมูลเหล่านี้
7. ทุกคนกลัวการแข่งขัน ทุกคนกลัวการตกงาน 7 อาชีพ ที่จะทำงานได้อย่างเสรีในประชาคมอาเซียน มีวิศวกร พยาบาล สถาปนิก สำรวจ บัญชี ทันตแพทย์และแพทย์
8. ต้องเก่งอังกฤษ (Working Language) กล้าคิด กล้าตัดสินใจและมองไกล มีวิสัยทัศน์
9. มีเพื่อนถามว่า ทำไมเสาประชมคมและสังคมไม่พูดถึงเลย ทั้งๆที่สำคัญไม่แพ้กันน่ะ ผู้แทนกองอาเซี่ยน สำนักปลัดฯ บอกว่า ใครๆก็ชอบมองเรื่องเงินเรื่องทองเป็นหลักและการประชาสัมพันธ์เสานี้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่เห็นผลแน่นอน ตอนนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวกับสังคมเริ่มปรับตัวเข้าหากันจากแต่ก่อนทำงานแยกกัน ตอนนี้มีการเริ่มประชุมทำงานไปในทิศเดียวกัน แต่เชื่อว่าถ้าสองเสาแรกมันดียังไงก็จะช่วยเสาที่ 3 ให้ดีได้ ( 3 เสาหลักอาเซียน ประกอบด้วย,ประชาคมการเมืองความมั่นคงอาเซียน, ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน,ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน)
10. เพื่อนถามว่า เราจะรวม AEC ได้จริงเหรอ ในเมื่อยังมีความขัดแย้งกันอยู่? ผู้แทนกองอาเซี่ยน สำนักปลัดฯ บอกว่า ทุกประเทศก็ต้องมาหารือคุยกัน วางจุดที่ลงตัวที่สุด เชื่อยังไงก็รวมกันได้
11. เพื่อนถามว่า ถ้ารวมแล้ว เราจะสู้กลุ่มที่รวมกัน เช่น EU ได้หรือเปล่า ผู้แทนกองอาเซี่ยน สำนักปลัดฯ บอกว่า  ตอนนี้ไม่ได้ แต่อนาคตคตต้องได้ ตอนนี้เราเหมือนอยู่ระดับ 1 แต่เขาไประดับ 10 จะให้มีนามสกุลเงินเดียวกันหรืออะไร ต้องใช้เวลา
12. เพื่อนถามว่า เด็กที่ทำอาสาสมัคร หรือเยาวชนที่คิดจะสร้างการเปลี่ยนแปลง ทำแทบตาย แต่ถ้าผู้ใหญ่ยังไม่ปรับตามก็ทำไม่ได้ ตัวแทนจากมูลนิธิสายใยแห่งความหวังบอกว่า ก็พยายามพูดคุยอยู่ มีหลายๆหลักสูตรที่ไปสอนบอกกล่าวกัน (ผู้รู้สึกตอบไม่เคียร์และไม่ตรงคำถาม)
13. มีประเด็นที่ได้ discuss กับเพื่อนในไทย
- การพัฒนามนุษย์ ทุกคนโยนไปที่การศึกษา บอกว่ามันห่วย แต่ไม่ช่วยกันเลย ลูกกลับบ้านมา มีไหมพ่อแม่ช่วยสอน? ให้แต่ไปเรียนพิเศษ อ้างไม่มีเวลา
- การลดช่องว่างการพัฒนา พัฒนาไม่ทั่วถึง กระจุกแต่หัวเมืองหลัก
- คุ้มครองและสวัสดิการสังคม ไม่รู้สวัสดิการของตัวเองที่ควรได้รับ
- ความยุติธรรมและสิทธิ เพื่อนยกตัวอย่างประเด็นชนคนตายกับยายเก็บเห็ด ผมไม่ค่อยเห็นด้วย เนื่องจากตัวบทกฏหมายและความแรงต่างกัน
- ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม จำกัดคน ปล่อยให้สิ่งแวดล้อมฟื้นฟูบ้าง
- การสร้างอัตลักษณ์อาเซี่ยน การไหว้ ยิ้ม


วันที่สาม 19 กันยายน 2558
กิจกรรมช่วงเช้าจะออกเดินทางไปอิมแพ็คเมืองทองธานี เพื่อร่วมกิจกรรมและเยี่ยมชมผลงานมหกรรมผลผลิตของเด็กและเยาวชน "30 ปี วันเยาวชน ผลิตดอออกผลจากรุ่นสู่รุ่น" ณ แกรนด์ จูลบิลลี่ ฮอล อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ในงานไม่ค่อยมีอะไรมาก ก่อนที่จะพิธีเปิด ก็นั่งดูสภาเด็กรับรางวัล ถามใจตัวเอง จะให้มานั่งดูเป็นพร๊อบเพื่ออะไรเนี่ย Orz ก็เลยเดินออกมาเดินดูตามซุ้มต่างๆเผื่อมีอะไรน่าสนใจบ้าง ในงานก็มีสาธิตทำขนม ให้ลองทำได้น่ะ ระบายสีโอ่ง นวด แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย  ก่อนกลับเข้าไปดูพิธีเปิด แล้วก็ชมการแสดงจากจีน ปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ต








แล้วก็ช่วงบ่ายพาไปกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม โดยผมได้ไปอยู่กลุ่มที่ไปสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งนนทบุรี ก็เข้าไปฟังว่า ที่นี่คามเป็นมาเป็นยังไง เป้าหมายหรือคนที่เข้ามาอยู่ที่นี่ กฏหมายและความคุ้มครอง รวมถึงสิทธิและสวัสดิการที่ได้รับมีอะไรบ้าง แล้วก็ไปร่วมทำกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ



ตามจริงผมมีคำถามค้างคาในใจกับที่คุยๆกัน แต่เวลาไม่พอให้ถามเพราะต้องทำกิจกรรมต่อคือ มีเพื่อนถามว่า คนที่ส่งตัวกลับมีการตรวจสอบอะไรยังไงไหม ? เจ้าหน้าที่บอกว่า มีระบบลงไปตรวจสอบว่า คนที่ส่งตัวกลับเป็นยังไงบ้าง โดยหน่วยงานในพื้นที่ ที่ส่งตัวกลับไปจะเป็นคนดูแล ผมก็เลยสงสัยต่อว่า ถ้าส่งตัวกลับไปแล้ว เขากลับไปอยู่แบบเดิมอีกล่ะซ้ำๆเรื่อยๆ เข้าลูปเดิมตลอด ทางสถานฯจะมีมาตรการอะไรต่อจากนั้น ...  อีกอย่างนึงคือเห็นด้วยกับเพื่อนที่ถามในห้องประชุม คือ สุมมุติคนนั้นเนี่ยอยากไปทำ เพราะ เขาคิดว่ามันคืองานสบาย นั่งๆก็ได้ตังค์แล้ว แต่เขาพร้อมทุกอย่างไง จะทำยังไงกับเขา ผมรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ตอบไม่ค่อยเคียร์แฮะ ไปโยงถึงต้องมาช่วยกันว่าต้องไม่ให้ตังค์น่ะเพราะ ถือสนับสนุน.. บลาๆ ...อันนี้เข้าใจน่ะ แต่ไม่ใช่ Point ที่ถาม ก็เลยมาพูดคุยกับเพื่อนในห้อง เพื่อนบอกว่ามันมีระบบคัดกรองคนเข้ามา ไม่น่าจะเข้าเงื่อนไขอะไร ก็ส่งตัวกลับ ผมก็บอกว่า แล้วถ้าเข้ากลับมาทำอีกล่ะ ทำไง ก็หาคำตอบกันไมไ่ด้




กำลังฝึกอาชีพกัน
ก็เราไปทำกิจกรรมกันง่ายๆครับ คือ ร้องเพลงเต้นสนุกๆกัน จากนั้นก็แบ่งเป็นกลุ่มกัน แล้วให้สมาชิกในแต่ล่ะกลุ่มวาดรูปความฝันของตัวเองว่าต้องการอะไรบ้าง แล้วก็ติดรวมกันลงไปในกระดาษฟิวเจอร์บอร์ดและปิดท้ายด้วยแจกไอติม

ผมเจอเฟลอย่างแรก ก็ร่วมๆสนุกไป เต้นๆ ไปอยู่ใกล้ยายคนนึง แกก็มาจิ้มเอวผม ผมก็ขมวดคิ้วคิดในใจว่าทำไมทำงี้เนี่ย ก็ถามไปว่า มีอะไรเหรอครับยาย ก็ฟังแกพูดไม่รู้เรื่องเพราะแกพูดเบาบวกกับเพลงมันดัง มาก แกก็จิ้มๆต่อ พอเพลงหยุดได้รู้ว่าแกจะเอาตังค์ ผมก็บอกว่าไม่มีตังค์ ก็ให้แกดูกระเป๋าเลยว่าไม่เอากระเป๋าตังค์มา คือไม่เอามาจริงๆ แกก็เงียบไป

พอตอนทำกิจกรรมก็มีน้องคนนึงไม่ทำ ผมสงสัยเลยถามเพื่อน เพื่อนบอกว่า น้องคนนี้อยากตาย เหยดดดด เชี้ยแล้วไงงงง ผมสตั้นไป 10 วิเลยครับผมม แต่เพื่อนคนนั้นก็เลยเข้าไปคุย นั่งคุยอยู่นานมาก เห็นน้องน้องไห้ด้วย สุดท้ายน้องก็โอเค มาร่วมกิจกรรมกัน ผมก็สบายใจไปหน่อย

แล้วมีอีกหลายๆอย่างมากที่คิดแต่ไม่ขอพูดดีกว่า หาอ่านได้ตาม Pantip ก็เหมือนตามนั้นจริงๆ  ...










วันที่สี่ 20 กันยายน 2558
ออกเดินทางไปมหาลัยธรรมศาสตร์ กิจกรรมแรกคือ ฟังบรรยายการทำงานของกลุ่ม ซ.โซ่ อาสา , มูลนิธิอิสรชน แล้วก็เครือข่ายธรรมศาสตร์อาสา (TU Spirit)




เครือข่ายธรรมศาสตร์อาสา (TU Spirit)
จุดเริ่มต้นมาจากตั้งแต่ตอนน้ำท่วมใหญ่ ที่ม.ธ.รังสิต เปิดให้เป็นศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย จนกระทั่งโดนน้ำท่วมไปเลย เลยรวมตัวกันก่อตั้งกลุ่มอาสานับตั้งแต่นั้นมา

มูลนิธิอิสรชน  โดยนายนที สรวารี
องค์กรเอกชนในรูปบบอาสา ตั้งแต่ 2539 ดูแลเกี่ยวกับคนไร้บ้าน คนเร่รอน คนจอนจัด  คนด้อยโอกาส
ซ.โว่ อาสา

กลุ่ม ซ.โซ่ อาสา
ครูปู่ (นายธีระรัตน์ ชูอำนาจ ) ครูใหญ่ ซ. โซ่อาสา เริ่มหลังจากกษียนราชการ จุดเริ่มต้นมาจากความคิดที่ว่า " ถ้าสังคมมีเด็กแร่รอน ทำไมสังคมจึงมีโรงเรียนเร่รอนด้วยไม่ได้ "  โดยสอนทุกวันอาทิตย์ จะมีครูอาสามาสลับกันสอนเรื่องๆ เด็กที่เข้ามาไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กร่อนเร่ เด็กปกติในชุมชนก็เข้ามาได้

ซึ่งผมก็ได้แวะไปดู กลุ่ม ซ.โซ่ อาสา ด้วย


ครูปู่ด้านซ้าย คนด้านขวาเป็นเพื่อนครูที่รู้จักกันมาช่วยสอน

น้องๆอ่านพูดจีนกับญี่ปุ่นได้ด้วยน่ะครับ มีคูรครูมาสอน


  
ร้อนตับแตกกันเลยทีเดียว 555

จากนั้นก็ไปทัศนศึกษาที่พิพิธภัณสถานแห่งชาติ พระนคร ก็สนุกดีครับ แอบร้อนไปหน่อย แต่ผมไม่ค่อยอินอะไรกับของแบบนี้ด้วยดิเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย










จากนั้นก็กลับมาฟังบรรยายต่ออีก พูดเลยว่าเหนื่อยโครตตตตตตต จะฟังนี่จะหลับล่ะ ทำไมไม่ฟังให้เสร็จทีเดียวแล้วไปทัศนศึกษาเลยก็ไม่รู้ เดินไปๆมาๆเดินกันเหนื่อยเลย

การสร้างจิตสำนึกอาสาสมัคร โดย ผศ.ดร. จิตติ มงคลชัยอรัญญา คณบดีวิทยาลัยฯ 




หลังจากกลับมาก็กลับห้องชาร์ดพลังสักนิด แล้วก็มาต่อปาร์ตี้สนุกๆกันเล็กน้อย ก่อนจะจากกันในตอนเช้า ก็สนุกแบบเป็นกันเองมาก เต้นกันมันเลย 5555



Nan & Mikky

Tar (Thai) & William (Indonesia)
Hearn from Cambodia

Choo - Mikky - Chai - Davin (Singapore)

Choo - Zhuojun (China) - Mint - May
Choo-May-Folk




วันที่ห้า 20 กันยายน 2558
เดินทางกลับหาดใหญ่ครับ ก่อนกลับถ่ายรูปกับเพื่อนชาวกัมพูชาที่ไปถึงสนามบินด้วยกันหน่อย ขอบคุณสำหรับของฝากด้วยน่ะครับ :)



Friends from Cambodia, Thank you for your gift. See you later, Good luck krub


สุดท้ายขอบคุณ กองกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ให้โอกาสส่งผมเป็นตัวแทนเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ในนามของอาสาสมัคร หน่วยส่งเสริมอาสาสมัคร ม.อ. มากครับ :)


Tag