วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

HBD To Me....

      เหลืออีก 2 วัน  [2 กุมภา นี้ ก้อครบรอบ 18 ปีพอดีๆ] แล้วสิน่ะ ที่วันเกิดจะมาถึง ก้อแอบภูมิใจและดีใจลึกๆว่า ไม่น่าเชื่อว่าจากผู้ชาย ตัวเล็กๆ ขาวๅ หน้าตาดีๆคนๆนึง  ที่ออกมาจากท้องแม่ได้  ชีวิตเดินทางมาถึงตรงนี้เวลานี้  ปีนี้แก่ขึ้นอีกปีตามเคย  แต่สิ่งต่างๆที่ตั้งใจไว้ที่จะทำมากมายๆ  บางอย่างอาจไม่ได้ทำ ทำเต็มที่ หรือไม่เต็มที่ก้อตาม แต่ทุกอย่างที่ผ่านมา ล้วนเป็นบทเรียนล้ำค่าที่สอนให้รู้จักคุณค่าของมนุษย์และการดำเนินชีวิตในโลกอนาคต่อไป

      มีนักปราชญ์จีนคนนึงเคยกล่าวไว้ว่า "It does not matter how slowly you go so long as you do not stop. ไม่สำคัญว่าท่านจะเดินช้าแค่ไหน ตราบที่ท่านไม่หยุด" เป็นคำสอนที่ฟังทีไรก็ซึ้งกินใจมาก  เพราะว่าคนที่จะทำให้สำเร็จหรือชนะคนอื่นนั้นสิ่งที่เป็นคุณสมบัติที่สำคัญคือ  จะต้องเป็นคนที่ไม่หยุดยิ่ง  กล้าที่จะก้าวไปสู่สิ่งที่ใหม่ๆ ที่ดีกว่าตลอดเวลา  ในบางครั้ง  ถ้าเมื่อไหร่ที่หยุดนิ่งขึ้นมา มันก้อยากมากที่จะก้าวเดินอีกครั้งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก้อแล้วแต่  หรือในบางครั้งเราไม่มีโอกาสที่จะก้าวเดินต่อไปอีกเลย


      ก่อนที่จะว่างไปดูละครเวที  ก้อเหลือเวลาว่าง  เป็นผมยาวรุงรังมากก  ก้อเลยไปตัดผมที่กาญกาย  ระหว่างตัดก้อคิดว่าจะยิดผมหรือตัดให้เกรียนดี  แต่สุดท้ายก้อเลือกที่จะตัดเกรียน  เพราะ  คิดว่า  อยากจะเปลี่ยนแปลงอารัยบ้าง  เพราะว่าเบื่อแล้วที่ต้องนั่งหัวฟู  เบื่อแล้วที่ต้องไปยืดผม  เบื่อแล้วที่จะต้องรักษาผมให้ดี  เลี้ยงมาหนึ่งปี  พอได้แล้วบ้าง ไม่อยากทำอารัยที่ต้องซ้ำๆ จำเจๆ น่าเบื่อๆ อีกอย่างไม่มีตังค์ด้วย 555


      หลังจากนั้นก้อได้มีโอกาศไปชมละครเวทีเรื่อง "รัก...ที่ต้องมนตรา" ของคณะศิลปศาสตร์  ที่หอประชุม จะบอกว่าค่อนข้างหน้าเบื่อ แต่ก้อดีที่ยังมีฉากตลกๆและเข้มข้นอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงจืดหน้าดู  แถมฉากเปลี่ยนบ่อยมากก  เปิดปิดไฟกันจนไอจุ๊บบอกว่าปวดหหัวเลยทีเดียว 555  แต่ถ้าถามความประทับใจคงหนีไม่พ้น องคลักษณ์พระราชา  555 (คนด้านขวาของรูป)  เพราะอยู่ดีกว่าพระราชาซะอีกก  เสียงก้อหล่อ  หุ่นก้อดี  แอคติ้งก้อโอ เจอตัวข้าวเวทีก้อน่ารักๆ  แถมดัดฟันด้วย  555  อีกอย่างนึงที่ประทับใจ  ก็คือนางรำ  ในเรื่องนี้  นางรำ 2 คนก็สวยมากกก  (นั่งอยู่ด้านหน้า) และรำได้สวยมากกว่าหน้าตาอีก 555  ชอบมากมายอ่ะๆ  กะว่ะจะไปขอถ่ายรูปซะหน่อย  แต่อดเรย กล้องแบดหมดซะงั้น  - -*

     ปีนี้ก็ไม่มีอารัยมากมาย เพราะเงินไม่ค่อยจะมี หลังจากเรียน อิ้ง เสร็จ เบื่อๆ เซ็งๆ  ก้อเลยไปเดินซีเอ็ด เดินไปเดินมาได้หนังสือมาหนึ่งเล่ม ก้อตัดสินใจอยู่นานเลยทีเดียวว่าจะซื้อหรือไม่  แต่คิดไปคิดมา  ก็คิิดว่าวันเกิดในหลายๆปีก่อนหน้านี้  เราไม่ได้ให้อารัยตัวเองเลย  ให้แต่คนอื่นๆ ทั้งที่เป็นวันเกิดของเรา  จึงตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้  (ทั้งๆที่ตังไม่ค่อยจะมี อิอิ)  ให้เป็นของขวัญในวันเกิดให้กับตัวเอง  มันมีชื่อว่า "Brain Power" ของ หนูดี  วินิษา

     สุดท้ายแร้วก้ออยากจะบอกว่า  ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่  ที่เกิดน้องชูมาและเลี้ยงมาให้เติบโตทุกวันนี้  ครูอาจารณ์ทุกท่าน  ที่คอยเป็นพ่อแม่คนที่สอง  คอยอบรม  สั่งสอนอยู่ตลอด  พี่ๆและเพื่อนๆ ทุกๆคนที่เป็นเพื่อนไปไหนด้วยกัน  กินข้าวกัน  เที่ยวด้วยกัน  ติวหนังสือด้วยกัน  และสุดท้ายขอบขอบคุณแฟนคลับทุกๆท่านและคะแนนเสียงทุกข้อความที่โหวตมาให้กำลังใจ  น้องชูสัญญาว่า  จะไม่ลืมทุกๆคน  ขอบคุณจิงๆคับ  (555)  HappyBrithday to me..

วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

อนาคตเป็นตัวตัดสิน

           ตั้งแต่ปีใหม่มานี้ก็ไม่ได้เขียนบล็อคเลย  อาจเพราะไม่มีเวลาต้องเรียนเต็มที่และงานอารัยหลายๆอย่าง  จนมาถึงวันนี้  เทอม 2 ของวิศว่ะ ม.อ.  รั้วสีบลู  ลูกพระบิดา ก้อเรียนไปๆก็เล่นเอาเหนื่อยทีเดียว  ได้รู้รสชาติถึงคณะที่อยากจะเรียน  แต่เรียนไปๆ  รู้สึกว่ามันหินมากในวิชาต่างๆ  อาจเพราะเราไม่ขยันพอ  ไม่ตั้งใจเรียนพอ  หรือว่าฉลาดไม่พอที่จะเรียน  ไม่ว่าอารัยก้อแล้วแต่  ก็เกิดคำถามขึ้นใจใจมาตลอดว่า "มันใช่ทางของเราหรือป่าว ??"  "เราเรียนเพราะอยากเป็นวิศวะจิงๆ หรือ แค่ได้ให้ดูดีเวลาคนอื่นถามว่าเรียนอะไรเท่านั้น"  คิดๆไปก็เริ่มท้อใจเล็กๆ  แต่ก็คิดว่าไหนๆเข้ามาได้แล้วก็ต้องสู้ให้เต็มที่สิ  คนอื่นที่เค้าอยากเรียนแต่ก็ไม่โอกาสแต่แล้วทัมมัยในเมื่อเราได้รับโอกาสนี้แล้วไม่ทำให้เต็มที่ล่ะ  สมกับที่คนที่เรารักและคนที่รักเราตั้งความหวังไว้
         เทอมนี้ก็ตั้งใจไว้ว่า  จะไม่ด็อปซักวิชานึง  ถ้าวิดว่ะมันไม่ใช่จิงๆก้อให้เกรดออกมาแล้วถูกทายไปเลย ดีกว่าอยู่แบบนี้ ด็อปไปเรื่อยๆก้อเหมือนโยนไปในอนาคต  แล้วถ้าไม่ผ่านอีกก้อโยนไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไหร่มันจะหมดซักที 8 ปีก็ไม่รู้หมดป่าว ลงแต่ตัวช่วยของคณะศิลปศาสตร์เต็มที่ไปหมด  แล้วทำไมไม่เรียนศิลศาตร์ล่ะ เรียนครบหมดแล้วยังจบได้วุฒิ แต่วิดว่ะเรียนตัวช่วยวิชาศิลศาสตร์ครบหมดวุฒิศิลศาสตร์ก็ไม่ได้  วิดว่ะก็ไม่จบ  คิดไปคิดมาเสียดายเงินพ่อแม่ๆต้องเสียทั้งค่าเทอม  หอพัก แล้วไหนจะเรื่องกิน  เรื่องต่างๆอีก แล้วยิ่งถ้ามาโดนทายเอาปี 3 ปี 4 ไม่อยากจะคิดด
         ตั้งแต่วันนี้ไป  สัญญาว่าจะตั้งใจเรียน  ทำเรียน  เรียน  และเรียน  ให้มากที่สุด  เท่าที่ลูกผู้ชายคนนึงจะทำได้  เพราะอนาคตมันไม่แน่นอน  เราอาจไม่อยู่ให้เรียนแล้วก็ได้  และสุดท้าย  ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่จนถึงวันนี้ก็ดีใจมากที่ได้มีเพื่อน  มีสังใหม่ที่ดีๆๆ  ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง  ขอบคุณอาจารย์ทุกท่าน  พ่อแม่  เพื่อนๆทุกๆคนทั้งในกรุ๊ป ในโรงเรียน  ในมหาลัย ในจังหวัด  ในประเทศ  และทั่วโลก  ที่คอยเป็นกำลังใจเสมอมา
         "เชื่อว่าทุกคนในโลกนี้  เคยแพ้  เคยล้มเหลว  คนแพ้ไม่ใช่นที่ล้มเหลว  แต่คนที่ล้มเหลวคือคนที่ล้มเลิกต่างหาก"


ชายคนหนึ่งเพิ่งจะมาพูดได้ตอนอายุ 4 ขวบ
ชายคนนั้น...เพิ่งจะมาอ่านหนังสือออกตอนอายุ 8 ขวบ
ชายคนนั้น...เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน
ชายคนนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนอาชีวะแห่งซูริค
ชายคนนั้น...เคยถูกอาจารย์ระบุว่า
"สมองช้า ไม่ชอบสังคมและล่องลอยอยู่ในความฝันอันโง่เขลาของตัวเองตลอดเวลา"
ชายคนนั้น...ชื่อ "อัลเบิร์ต ไอสไตน์" บิดาแห่งปรมาณู


ชายคนหนึ่งเคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอยต์
ชายคนนั้น...ลองสมัครใหม่ดูอีกที
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอีกครั้ง
ชายคนนั้น...พยายามเป็นครั้งที่สาม
ชายคนนั้น...ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียน
ชายคนนั้น...ได้เป็นทหารสมใจ
ชายคนนั้น...เข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สองได้สำเร็จ
ชายคนนั้น...ชื่อ "นายพล ดักลาส แมคอาเธอร์" ผู้พิชิตแปซิฟิคแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง



ชายกลุ่มหนึ่ง...เป็นนักดนตรี
ชายกลุ่มนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากผุ้บริหารคนหนึ่งจากบริษัทเดคคาเรคคอร์ติ้ง
ชายกลุ่มนั้น...ถูกปฎิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า "เราไม่ชอบเสียงเพลงของพวกเขา
และกลุ่มนักดนตรีที่เล่นกีตาร์กำลังจะหมดสมัยแล้ว"
ชายกลุ่มนั้น...มีนามว่า "เดอะ บีเทิลส์" สี่เต่าทองแห่งตำนาน



ชายคนหนึ่ง...เป็นนักกีฬา
ชายคนนั้น...เล่นบาสเกตบอลให้กับทีมโรงเรียนมัธยม
ชายคนนั้น...เคยถูกคัดออกจากทีมโรงเรียน
ชายคนนั้น...ชื่อ "ไมเคิล จอร์แดน" หนึ่งในนักกีฬาบาสเกตบอลที่ทำเงินมากที่สุดในโลก



ชายคนหนึ่ง...เป็นนักแต่งเพลงชาวเยอรมัน
ชายคนนั้น...สูญเสียความสามารถในการฟังลงเรื่อยๆ
ชายคนนั้น...หูหนวกสนิทเมื่อมีอายุได้ 46 ปี
ชายคนนั้น...ได้ใช้ช่วงเวลาบั้นปลายชีวิตประพันธ์เพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ชายคนนั้น...ชื่อ "ลุดวิก ฟาน บีโธเฟน" นักประพันธ์เพลงชื่อก้องโลก



ชายคนหนึ่งสอบตกประถม 6
ชายคนนั้น...เคยมีชีวิตที่พ่ายแพ้และล้มเหลวมาตลอด
ชายคนนั้น...ล้วนทำประโยชน์ครั้งใหญ่ๆเมื่อเขากลายเป็นผู้สูงอายุแล้ว
ชายคนนั้น...ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่ออายุ 62 ปี
ชายคนนั้น...ชื่อ "วินสตัน เชอร์ชิล" อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ



ชายคนหนึ่งเรียนปริญญาตรี
ชายคนนั้น...เคยถูกจัดให้เป็นแค่นักศึกษาระดับกลางเท่านั้น
ชายคนนั้น...เคยสอบได้อันดับที่ 15 จากนักศึกษา 22 คนในวิชาเคมี
ชายคนนั้น...ชื่อ "หลุยส์ ปาสเตอร์"



ชายคนหนึ่งเป็นนักร้อง
ชายคนนั้น...เคยถูกผู้จัดการของ แกรนด์โอเลโอเพรย์ไล่ออก
ชายคนนั้น...เคยโดนดูถูกว่า "แกมันไปไม่ถึงไหนเลย แกควรกลับไปขับรถบรรทุกมากกว่า"
ชายคนนั้น...ชื่อ "เอลวิส เพรสลีย์"



หญิงคนหนึ่งเป็นนางแบบผู้เปี่ยมไปด้วยความหวัง
หญิงคนนั้น...ทำงานให้กับบริษัทบลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่
หญิงคนนั้น...เคยโดนผู้อำนวยการบริษัท บลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่ดูถูกว่า
"เธอควรไปเรียนด้านเลขาฯ หรือไม่ก็แต่งงานเสียดีกว่า"
หญิงคนนั้น...ชื่อ นอร์มา จีน เบเกอร์ หรือที่รู้จักกันในนาม "มาริลีน มอนโร" นั่นเอง



ชายคนหนึ่ง หลงใหลวิชาการเงินอย่างมาก
ชายคนนั้น...ยื่นใบสมัครกับมหาวิทยาลัยธุรกิจฮาวาร์ดอันเลื่องชื่อ
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธในเวลาต่อมา
ชายคนนั้น...ไม่ยอมแพ้ เดินหน้าเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยธุรกิจโคลัมเบีย
ชายคนนั้น...สำเร็จการศึกษา
ชายคนนั้น...ปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมกว่า 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเงินลงทุนเพียง 100 เหรียญสหรัฐ
ชายคนนั้น...ชื่อ "วอเรน บัฟเฟตต์" นักลงทุนอัจฉริยะ อภิมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก



ชายคนหนึ่ง หลงใหลในคอมพิวเตอร์อย่างมาก
ชายคนนั้น...ชอบหมกตัวกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
ชายคนนั้น...ถูกเพื่อนมองว่า "สกปรก - บ้าคอมพิวเตอร์"
ชายคนนั้น...เคยเสนอซอฟแวร์ระบบให้กับ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอย่างไม่ใยดี
ชายคนนั้น...ปัจจุบันคือผู้ให้การช่วยเหลือด้านเงินทุนกับ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น...เคยถูก ไอบีเอ็ม มองว่า "แค่เด็ก"
ชายคนนั้น...ปัจจุบันเป็นผู้นำบริษัทซอฟแวร์ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก
ชายคนนั้น...ชื่อ วิ ลเลี่ยม เฮนรี่ เกตส์ ที่สาม หรือที่รู้จักกันในนาม "บิลล์ เกตส์" ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ผู้ถือครองสินทรัพย์กว่า 46,000 ล้านเหรียญ 

วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554

printf(" ฤดูสอบ ฤดูเครียส ฤดูลันลั๊า");

       หลังจากเงียบหายไปเดือนกว่าๆ วันนี้ขอสละเวลาส่วนตัว (อันมีค่ามากกก) มาเขียนไดอารี่แก้เซ็ง  ในตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีเรื่องราวๆทั้งสุข(มากกก)  ไปจนถึงทุกข์(มากกกก)  ที่เกิดขึ้นกับนิชคุณซึ่งล้วนแต่เป็นประสบกรณ์ที่ชีวิตที่มีค่ามากเลยแหล่ะ
      เริ่มต้นเรื่องร้ายเลย  เฮ่ยย  นิชคุณต้องเข้าโรงพยาบาลโดยไม่ตั้งตัว  เนื่องจากอะไรนั่นเหรอครับ  ก็ก้างปลา(เชี้ยรัยไม่รู้)  ทานเข้าไปแล้วมันไปเสือกติดเข้าไปในหลอดลม  ก็เลยต้องเอาออก  แต่ปัญหาคือว่า  ไม่คิดว่าามันจะเปลี่ยนเรื่องใหญ่มากมายขนาดนี้  ไม่นึกว่าจะต้องเอาออกในห้องผ่าตัด  ให้น้ำเกลือ  ให้นู่ให้นี่  และอีกมากมายกายกองง
     เริ่มแรกเลย   วั้นนั้นเป็นวันอังคาร  มีคาบเรียนตั้งแต่ 9 โมง ยันบ่าย 3  พอเรียนแอลลิสที่คณะศิลศาตร์เสร็จก็จะต่อด้วยคาบออดิโอ้  แต่นิชคุณก็หิวข้าวมากๆ  กลัวไปเรียนไม่ทัน  ก็เลยแวะไปทานข้าวที่โรงอาหารศิลศาสตร์  เราก็สั่งๆ  จะจ่ายตังแระ  แต่แล้วสายตาอันแหลมคมของนิชคุณก้อหันไปเห็นปลาเข้าพอดี  ด้วยความเป็นคนที่ชอบกินปลามากก  ก็เลยสั่งมาัตัวนึง  กะว่าจะกินให้อร่อย  แต่พอสั่งมาแระ  ก็หันมาดูเวลา  โอ้แม่จ้าวว เหลือ 10  นาที  ทัมงัยล่ะ  จึงรีบกินติดไฮสปีดกานเรยทีเดียวว  ระหว่างนั้นก็มีเพื่อนโทรศัพท์เข้ามา  กลัวว่ามันมีธุรสำคัญก็เลยต้องกินไปคุยไป  (ปกติจะเป็นคนไม่รับโทรสับตอนทานอาหารหรือตอนนอน  ถ้าไม่เ็ห็นว่าสำคัญจริงๆ)   พอวางสายเสร็จ  รู้สึกแปลกๆในลำคอ ชัดเจน ก้งปลาคงติดคอแล้วแหล่ะ  เพียงเท่านั้นก็มีผู้หวังดีข้างๆ  (คืออีเดี่ยว)  บอกให้กินข้าวเปล่าไปเยอะๆเรย เดี๋ยวก็หลุด  เม่งเราก้อเชื่ออีก  พอกินไปๆ ปรากฏว่าหนักกว่าเดิมอีกก ซวยล่ะกุทีนี้  เจ็ยมากกว่าเดิมอีก  กลืนน้ำลาย  พูด  หรือแม้แต่กระทั่งกินน้ำไม่ได้เลย  เจ็บมากก  แต่เนื่องจากไม่อยากขาดเรียนก็เลยต้องไปเรียน  จำได้ว่า  เรียนคาบออดิโอ้กับอิ้ง เป็นอารัยที่ต้องนั่งทรมารสุดในชีวิตเลย  พอหลังจากเรียนอิ้งเสร็จ   ก็เลยไปหาหมอที่คลีนิคสุขภาพใต้หอ 7
     พอไปถึงเสร็จก็ให้บอกพยาบาลเค้าว่าก้างปลาติดคอ ...แต่ปรากฏว่า  ที่คลีนิคไม่มีเครื่องมือและหมอ  อ่าว  เม่ง  ไม่มีแล้วมึงจะเปิดเพื่อ  นี่ที่กูรักษาอยู่วันๆนี่มันพยาบาลเหรอ  มิน่า  กูเป็นอะไรก็แจกแต่พาราแคบๆ  กูละเหนื่อยใจ  (ขอระบายนิสนึง 555+)  กลังจากนั้นก็เลยไปแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล  พอยื่นบัตรเรียบร้อยไปนั่งรอหน้าห้องให้พยาบาลเรียกเข้าห้องเสร็จทั้งนักข่าวช่องต่างๆ  ทั้งผู้ว่าจังหวัดก็มา  เราก็นึกในใจเป็นแค่นี้ไม่ต้องมาหาไม่ต้องมาทำข่าวก็ได้  นิชคุณไม่อยากให้แฟนคลับต้องเสียใจ  555+  แต่ปรากฏว่ามีคนโดนวางระเบิดหรืออารัยนี่แหล่ะ  นักข่าวเลยมากันเต็ม  เราก็รอกัน 2 ชม.กว่าๆ จะได้ตรวจจ  เฮ่ยเหนื่อยจัย  และแล้วก็ถึงคิว  พอนิชคุณเข้าไป  คุณหมดคนสวยก็ทั้งตรวจทั้งส่องกันเต็มที่  แต่ก็ไม่เจอ  ก็เลยให้ส่งตัวไปแผนก  คอ  หู  จมูก  ส่องกล้องอีกทีนึง  พอไปที่แผนก  คอ  หู  จมูก  ก็เจอคุณหมอสวยและพยาบาลใจดี  อีกสองท่านนึง  อิอิ   มาช่วยกันส่องกล้องหา  หากันอย่างเมามัน  แต่ก็ไม่เจออ  ก็เลยให้ไปเอ็กเรย์  แต่ผลออกมาก็ไม่พบ  คุณหมอเดาว่าน่าขะเข้าไปในหลอดลมแล้วถ้าเข้าไปจิงจะต้องผ่าเอาออกในห้องผ่าตัด เอาแล้วสิกู   ซวยอีกแระ  ไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว
      หลังจากนั้น  คุณหมอก็ให้ไปเอ็กซเรย์อีกรอบนึง แล้วก็ชัดเจนเรยเพราะปากหลอดลมมันบวมๆ  ก็เลยให้ไปเจาะเลือด แล้วก้อทำเรื่องต่างๆให้เรียบร้อยก่อนผ่าตัด  ครั้งแรกของชีวิตต เจ็บมากก แงๆ  ไม่กล้าดูตอนเจาะเลยย  หลังเจาะเสร็จก็ไปที่เตียงห้องนอนของโรงพยาบาลเพื่อรอผ่าตัดตอน 1 ทุ่ม  ขณะนั้นเวลาประมาณ  5  โมง   แต่นิชคุณทำใจยังไม่ได้ก็เลยขอกลับไปห้องก่อน  เดี๋ยวขอกลับมาตอน 6 โมง  พยาบาลก็เลยให้ไป  เราก็กลับห้องมานั่งทำใจสักพับ แล้วก้อเกบของใช้ต่างๆที่ต้องใช้ใส่กระเป๋าเพื่อไปโรงพยาบาลพอนิชคุณเก็บของเสร็จเรียบร้อย  ก็เตรียมตัวไปโณงพยาบาลพอดี  ขณะนั้นก้อเลย 6 โมงมาแระ  พยาบาลก็โทรตามเลย  โหดจิงๆๆ  บอกว่า  น้องชูวงศ์มาที่ห้องได้แล้วน่ะค่ะ  คุณหมดให้โทรตามค่ะ  คับๆ  หลังจากนั้นก็ขึ้นไปที่ห้องและไปยังเตียงง  แล้วก็พยาบาลให้ไปเปลี่ยนชุด  เราก็น่ะครั้งแระอ่ะ  ไม่เคยผ่าตัดมาก่อน  ก็ไม่รู้เค้าต้องใส่กางเกงในกะบอกเซอร์ป่าว  เราก็ใส่ป่าวว่ะ  ก็เลยใส่ไปๆ  พอเปลี่ยนชุดเสร็จ  พยาบาลก้อมาเจาะน้ำเหลือ  แงๆๆ จะร้องไห้ๆ เจ็บมากๆ เราก็บอกว่ากลัวเข็ม  เจาะเบาๆหน่อย ไม่ฟังนิชคุณเรยย   หนังจากนั้นก็มีบอกต่อ  เดี๋ยวถ้าเจาะไม่ตรงเส้นเลือด รอบเส้นเลือดจะปูนๆขึ้นมาต้องเจาะใหม่น่ะค่ะ เราก้ออึ้งๆ  หลังจากนั้นชีก็บอกต่อว่าจะฉีดยานู่ยานี่ยานี่มากมายไปหมด  เราก้อตกใจ อารัยน่ะครับ..ฉีดเลยเหรอ  พยาบาลคงเห็นนิชคุณหน้าซีดก็เลยบอกว่า  ไม่ต้องกลัวค่ะ  จะฉีดทางน้ำเกลือค่ะ  เราก็เฮ่ยยโล่งเลยๆ  จากนั้นพี่เค้าก็วัดความดัน  โห  ทำไมความดันน้องสูงแบบนี้ล่ะค่ะ  ก็เค้ากลัวอ่ะคับ  ครั้งแรกของของชีวิต  ถ้าอย่างนั้นนอนซักพักน่ะค่ะ เดี๋ยวจะมาวัดใหม่ๆ  ระหว่้างนั้นชีก้อถามเรียนอารัยเหรอ  เราก้อตอบเรียนวิศวะดิคับ ดีไม่ตอบแพทย์ศาสตร์  อิอิ  แล้วนี่ไม่มีเรียนเหรอ  อ๋อๆมีครับ  มีเรียนอาทดคอมมูคับ  อ๋อๆ พี่ก็เคยเรียนเหมือนกาน  พูดแค่นี้จะถามเพื่อ......จากนั้นพาเราไปซักประวัติ  ยาวได้อีกซักอารัยนักหนาก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมดด  แต่ข้อสุดท้ายจำเม่นเลย  พี่เค้าถามว่า  น้องมีความกังวลอะไรไม่ค่ะ  เราก็ตอบตรงๆเลย  หึหึ  กังวลครับ  กังวลอารัยเหรอค่ะ  ก็กังวลผ่าตัดนี่งัย  น่ากลัวจะตาย  เอางี้เลยเหรอค่ะ  คับๆๆ  อิอิ  หลังจากที่พยาบาลไปเราก็นอนปลงกับชีวิต  ทำไมน่ะ  คนนิสัยดีๆ หน้าตาดีๆอย่างเรา  ต้องมาเจออารัยแบบนี้ด้วย  ไม่ไหวจาเคียร์ๆ
       หลังจากที่จะเสร็จทุกอย่างแล้ว  ก็นอนหลับตาคิดอารัยเรื่อยเปื่อยจนเคลิ้มๆจะหลับ  พยาบาลก็มาบอกว่า  ห้องผ่าตัดพร้อมแล้วคุณหมอให้ไปได้เลยๆ  เราก็นะ  เฮ่ย  ถึงเวลาขึ้นเขียงแล้วเหรอ  เป็นงัยเป็นกัน  ก็เลยลุกไปฝากของกับพยาบาล พอจะเดินขึ้นเตียงปรากฏว่ากางเกงหลุด  ไอพนักงานเข็นเตียง(ไม่รู้เขาเรียกว่าอารัย)  ก็บอกว่า  น้องคับ  เขาไม่ใส่กางเกงในกับบ็อกเซอร์น่ะครับ  ลองถามพยาบาลดูนะครับว่าให้ใส่ป่าว  เราก็ตกใจก็เลยหันไปถามพยาบาล  ชีก็บอกว่า  ไม่ใส่น่ะค่ะ  ขอโทดทีน่ะค่ะพอดีน้องเค้าพึ่งเข้ามาก็เลยรีบ  ลืมบอกน้องเค้าน่ะค่ะ  แก้ตัวกะพนักงานขนเตียงหน้าตาเฉย  เชอะ  ถ้าไม่น่ารักงอลไปแระน่ะเนี่ยๆ  555+  เราก็เลยต้องไปห้องน้ำเพื่อถอดกางเกงในกะบ็อกเซอร์ออก  แต่ก็นึกในใจถ้ามันหลุดอีกล่ะว่ะ  ไม่เห็นหมดเลยเหรอเนี่ย  ไม่น่ะ  เค้ากลัวว  555+  หลังจากนั้น  ก็ขึ้นเตียงที่พนักงานขนเตียงเอามา  แล้วก็พาไปห้องผ่าตัด
      พอไปถึงหน้าห้องผ่าตัด  ก็มีหมอเยอะมากกมายืนแซว  ถามนู่ถามนี่กันอย่างเมามัน  แต่จำหมอคนนึงพูดได้  "มีอารัยก็มาหาพี่ได้ตลอดน่ะค่ะ"  555+  หัวเราะแถกกันทั้งห้องเลยทีเดียว  จากนั้นก็พาเข้าห้องผ่าตัด  จะบอกว่าหมอในห้องผ่าตัดน่ารักมากก  แล้วก็มาถามเราบอกว่า  มาซักประวัติตรวจความจำรัยงี้แหล่ะ  เราก็โอเคคับ  ชิวๆๆ  คำถามแรก  น้องมาที่นี่ทำไม  โอ้แม่จ้าวถามมาได้  ถ้าไม่เห็นเป็นหมอหล่อด้วยพูดดีด้วย  จะด่าให้แระน่ะเนี่ย  หึหึ  อืมม  มา..มาผ่าตัดครับ  ผ่าตัดอะไรเหรอ  ยังจะต่ออีก  ผ่าตัดคอคับ  พอดีก้างปลาติดหลอดลมครับ  ช่ายแล้วครับ  โหพูดซะเหมือนถูกรางวัลแจ็กพอตร้อยล้าน  แล้วรู้ขึ้นตอนไหมครับว่าต้องทำยังงัยย  เราก็บอกไม่รู้  แล้วพี่หมอแกก้อสาธยาย บลาๆๆๆ  จนจบ  เราก็ครับๆ  มีอารัยสงสัยไม่ครับ  จะถามรัยอีกล่ะพูดซะหมดแล้ว  ไม่มีครับๆ  จากนั้นก็สอนต่อว่าถ้าตื่นขึ้นมาแล้วต้องกำหมัดให้แน่น  อาจมีอาการแพ้ยาสลาบบ้างทำงัยบ้างๆๆ  หลังจากเสร็จเรียบร้อย  ก็บอดว่ารอหมอแปปนึงน่ะครับๆ
     พอคุณหมอมาก็จับลดมัดขามัดแขนซะดิบดี  คงกลัวเราจะดิ้นชักหรือหนีระหว่างผ่าตัดมั้ง  แล้วก็วางยาสลบ  แล้วก็หลับโดยไม่รู้สึกตัว.........โดนขึ้นมารู้สึกเหมือนโดนรุมโซม  เข็ด  เมื่อย  ล้า  ไปหมดทั้งตัว  ไม่น่ะหมอทำอารัยกะเค้า  รับผิดชอบด้วย  555+  แล้วเราก็คลื่นไส้จะอ้วก  ที่จะอ้วกก็เพราะไอสายดูดน้ำลายนี้แหล่ะ  เราก็ไม่ไหวแระ  แยงอยู่ได้  ก็รวมพละกำลังที่มี  บอกว่าไม่ต้องครับ  มีเสมห่ะติดคออยู่  หมอเค้าก็เลยเอากระโถนมาให้  รอดไปอย่าเอาไอสายนั่นมาอีกน่ะ  จากคุณหมอก็พามานอนพักฟื้นด้านนอกห้องซักครึ่ง ชม.ได้  แล้วก็พอไปบนห้องนอน  ไอพนักงานเข็นก็คนเดินอ่ะแหล่ม  เห็นเราพูดได้เข้าหน่อยก็ถาม  อารัยเลยจะไม่ได้และ  จากนั้นก็มาถึงห้อง  ห้องปวดระบมไปทั้งตัวเลย นอนก็ไม่ได้นอน  พี่พยาบาลมาให้ยาแล้วก็เช็คความดันทุกชม.  เอาแระงัย  ผอมแน่  นอนไปเรื่อยๆ  พี่พยาบาลคงเห็นเราร้อนมากก  ก็เลยเอาพัดลมมาให้  น่ารักมากเรยๆ  เราก็นอนอย่างสบา่ยใจ  แต่แล้วก็ปวดฉี่ขึ้นมา  ไม่น่ะ  ไม่อยากเดินไปฉี่เพราะเข็ดมาก เดินยังไม่ได้  ก็เลยต้องนอนกลั้นอยู่บนเตียงเพราะไม่อยากไป  ไม่กล้าบอกพยาบาลด้วย  กลั้นมาถึงเช้าก็ให้เพื่อนมาเช็คเอ้า  (หรูซะ)  เราก็ได้ไปฉี่สมใจ  อิอิ  จากนั้นก็ไปเอายา  เคียร์เรื่องเงิน  แล้วก็เก็บหระเป๋ากลับบ้านอย่างสบายใจๆ

      และสุดท้าย  ก็ไปดูหนังที่เฝ้ารอคอยมาเป็นเดือนๆ   เพราะหลังจากดูทีเซอมาตั้งแต่ประมาณกลางปี   รู้สึกชอบในกราฟฟิค  CG  มากๆ   พระเอกก็โอเค แต่นางเอกสวยมากก  ชอบมากที่นางเอกนอนบนโซฟา ดูแล้วสวยเซกซี่มากก  วันนี้ก็เป็นโอกาศดีที่เบื่อจากการอ่านหนังสือ และประกอบกับด้วยอารัยหลายๆอย่าง  ก็เลยไปดูหนังแก้เซ็ง หลังจากที่ดูแล้ว  ก็บอกได้เลยว่า  หนังเรื่องนี้ทำดีมาก กราฟฟิคก้อถือว่าเยี่ยมเรยทีเดียว สขายความคิดล้วนๆ  เนื้อหาก็ไม่ซับซ้อนเข้าใจได้  แต่รู้สึกยังไม่เต็มอิ่มยังยืดๆเหมือนแฮรี่พอตเตอร์  แต่ ฉากแอคชั่นก็สุดยอดดมันส์ได้จัยๆ  ทำให้อยากดู  3D  กันเรยทีเดียวว  ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากอีกเรื่องนึงเลยทีเดียวที่ส่งท้ายปีนี้  สำหรับนิชคุณกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าดีกว่าเแฮรี่พอตเตอร์มากก  คุ้มค่าตั๋วที่เสียไปเลยทีเดียว