วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

เบื่อ เซ็ง อยากอยู่คนเดียว [โดนรถชน เม่งเอ้ยย]

      เงียบหายไปนานเรยสำหรับไดอารี่เล่มนี้  ก้อเหมือนเดิมแแหล่ะน่ะ  ยังเป็นคนๆเดิมที่ทุกคนรู้จักกันดี  แต่นิสัยและอารัยหลายๆอย่างอาจเปลี่ยนไปกันบ้างตามเวลาและอารมณ์  ก็อย่าอารัยกะเรามากมาย  บางครั้งก็เหมือนเดิมแหล่ะ   อยากจะทำอะไรคนเดียว   อยากอยู่คนเดียว  อยากทำอะไรคนเดียวใหม่ๆบ้าง  เผื่อชีวิตมันได้ดีกว่านี้

      เบื่ออ  เซ็งมาก  เบื่อกับทุกๆอย่าง  เซ็งกับทุกสิ่ง  รู้สึกว่าชีวิตทำอะไรมันก็ติดขัดไปหมด  ก็คิดในใจน่ะ  ว่า  อาจเพราะเราทำไม่ดีพอหรือป่าว  หรือมันไม่ดีจิงๆ  แต่อารัยก็แล้วแต่  ถ้าเราพยายามที่จะทำมันอ่ะ  อารัยมันก็สำเร็จแหล่ะ  แต่ัมันอยู่ที่ว่า   เราจะขยันพอที่จะทำสิ่งๆนั้นหรือป่าว  หรือคอยแต่หยุดอยู่กับที่  เพื่อให้มันมาหาเองหรือให้คนอื่นทำให้...

      สอบเคมีวันนี้โครตยายว่ะ  (ตกลงข้อสอบมันยาก  หรือ  กุโง่เองว่ะ)  เฮ่ยย  แต่ยังงัยก็ทำเต็มที่ล่ะกัน  ได้ไม่ได้เดี๋ยวก้อรู้ตอนคะแนนสอบเองแหล่ะ  สอบเสร็จกุนอนท่าเดียวไม่ทำรัยแระ  (คงติดเชื้อมาจากไอโปแปง อิอิ)  หลังจากนั้น  ตอนเย็นก็ไปติวหนังสือใต้ตึกฟัก  ก็ไม่ได้ติวหลอกน่ะ  ชวนกันไปนั่งกินน้ำชา  ดีจิงๆ  พออ่านเสร็จ  (ซึ่งไม่เข้าสมองเลย)  ก็ไปกินข้าวต้มชุมพรต่อ

หน้าหอนาฬิกา
      
      แต่ก่อนที่จะไปกินข้าวต้มชุมพรนี่แหล่ะ  เฮ่ยย  โดนรถชนเต็มๆ  จะใครซะอีกล่ะที่ชน  คนหนีไม่พ้นอีบูมตัวปัญหานั่นแหล่ะ  เรื่องมันมีอยู่ว่า  พอดีเห็นเพื่อนเดินมาข้างถนน  ไอโชแปงก็เลยจอดรถรับ ก็คือไอบอม  (ขาวๆตี๋ๆ เล่นบาสอ่า)  ไอบอยมันขับตามหลังไม่ทันระวัง  ก็ตามประสาเต่าอ่ะน่ะ  เลยชนกับรถโชแปง  โครมมม...  ฮากันเต็มที่  แต่ทันใดนั้น  กรรมก็ตามสนอง  ในระหว่างที่หัวเราะไอบอยกะโชแปงอย่างเมามันนั่นเอง  ไอเดียวก้อหยุดรถ  (มันจะหยุดทำเหี้ยรัยฟ่ะ)  เราก็นั่งบนรถ  ไอบูมก็ขับตามมาหลังมันก็เสือกหันไปดู 2 คู่นั้น  เม่ง  ชนท้ายเต็มๆ  ขาถลองหมดเลย  อารัยมันซวยแบบนี้ว่ะ  ส่วนไอบูมไม่อยากจะบอกว่า  หายหลังล้มรถฮาได้จัยจิงๆ 555+  แต่ก็น่าสงสารมันอ่ะ  เพราะมือถือหน้าจอแตกเยย  ถอยไอโฟนเลยบูม

      ปล.1  ยังงัยก็รักกรุ๊ปนี้  อยากยุ่ง  อยากอยู่  อยากมีส่วนร่วมเสมอ รักน่ะ จุบุๆ
      ปล.2  ง่วงแระ พรุ่งนี้สอบแลปฟิอีก  โอ๊ยยย ไม่อ่านรัยที  จะบ้าตายแระ


วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

วันหนึ่งที่รู้สึกแย่ใน"กรุ๊ป"มากที่สุดๆ

     วันนี้ก็มีหลายๆ  เรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้หนักใจอีกตามเคยย  ก็น่ะคนเรามันจะให้ทำให้ดีทุกเรื่องๆและให้เพื่อนๆทำให้ถูกใจเราในทุกๆเรื่องมันก็เป็นไปไม่ได้

     และวันนี้เป็นวันหนึ่งที่รู้สึกแย่ในกรุ๊ปมากที่สุดๆ  มีแต่เรื่องหน้าเบื่อๆ เดิมๆซ้ำๆ เพราะแต่ล่ะคนไม่เห็นค่าเลยของคำว่า"กรุ๊ป"  ต่างคนต่างเฉยเมิย  ปล่อยให้ค่าของมันต่ำลงๆ  จนเกิดปัญหาต่างๆมากมาย  จนถึงจุดๆหนึ่ง  คิดว่าคงมันคงจะไม่เหลือให้เราเห็น  คงจะไม่ได้โทษสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะใคร  ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น  แต่อยากให้คิดว่าทำดีแล้วเหรอยังกับคำว่า"กรุ๊ป"  ไม่ใช่สนใจแต่ปาก  แต่คำพูด  แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่ทำอะไรเลย  เห็นแก่ตัว  พอมีงานอะไรก็ไม่เคยคิดจะโทรถามว่าจะให้ช่วยอะไรตรงไหนบ้างไหม  พอไม่รู้ข้อมูลก็มาว่า ว่าทำไมไม่บอกกันบ้างเลย  เคยคิดจะโทรถาม จะถามงานคนอื่นบ้างใหม่แทนที่จะต้องให้เพื่อนต้องคอยให้สั่งตลอด  คิดเองไม่เป็นบ้างหรือไง  ถึงเวลาแล้วหรือยังล่ะที่จะหันมาเห็นค่าของคำว่า"กรุ๊ป"

     ตอนเช้าก่อนที่จะรับสเด็จฯก็เบื่อมาก ไม่เข้าใจทำไมชีวิตมันอารัยนักหนาแบบนี้ ก็เลยไปไหว้พระอีกตามเคย  สูดอากาศสะอาดๆ  ทำจิตใจใหบริสุทธิ  ตัดจากอะไรซักอย่างที่มันกำลังตามเรามา  หลังจากรับเสร็จฯเสร็จ  ก็ไปดูนิทรรศการ กับ ต้น ตอง แล้วก้อบูมที่ลีกาเด้น  จำชื่อไม่ได้แล้วว่านิทรรศการอะไร  เดินไปทั่วๆงาน  ก็ไปสดุดกับภาพๆหนึ่ง  ในภาพนี้มีเด็กชายคนหนึ่งกำลังมองไปที่สิ่งๆหนึ่งด้วยสายตาที่สื่ออารมณ์อย่างชัดแจน  ในสายตาของเด็กคนนั้น  มันบ่งบอกอารัยหลายๆอย่าง ทั้งความสุขและความทุกข์  ไม่รู้สึกสึกแบบนี้มาก่อนเลย  หลังจากนั้นตอนดึกก้อออกไปกินเหล้าปั่นกะยุ้ยแล้วก้ออ้น


      ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอารัย  มันมีฟิวอยากทำอะไรคนเดียว  อยากอยู่คนเดียว  เงียบๆคนเดียว  เที่ยวคนเดียว  ดูหนังคนเดียว  เบื่อที่ต้องมาเจอผู้คนมากหน้าหลายตา  เบื่อที่จะต้องมาทำอย่างนู๊อย่างนี้ทั้งๆที่ใจเราไม่อยากทำเลย  เบื่อที่จะต้องมานั่งเถียงใครๆกะเรื่องไร้สาระ  เบื่อ..

      การตรงต่อเวลา  ยอมรับว่าแต่ก่อนมาสายเสมอ  แต่ปัจจุบันนี้  มาสายน้อยมากถ้าไม่มีเหตุการณ์สำคัญจริงๆเท่านั้นแหล่ะที่ไม่ไปตามทัน  อยากจะพูดว่า  ถ้าคนเราเห็นประโยชน์ของการนัด  การเห็นใจคนอื่น  และการรอคอย  เหตุการณ์บางเหตุการณ์คงไม่เกิดหรอก  ไม่ได้พูดว่าเหตุการณ์ใด  ที่พูดมานี้ไม่ได้ว่าใครทั้งนั้น  ไม่ได้โทษว่าใครผิด  แต่มันอยู่ที่ว่าถ้ามันเกิดขึ้นแล้วสามารถที่จะแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร  หยุดคิดซักนิดหนึ่ง  อย่าให้มันซ้ำรอยเดิม  สิ่งง่ายๆแบบนี้หวังว่าคงจะทำกันได้น่ะ


      วลา คือ การที่โลกหมุนอยู่ทุกขณะ



เวลา ผ่านไปไม่ย้อนกลับ

เวลา เครื่องสมานแผลที่ดี
เวลา เครื่องกำหนดการเดินทาง
เวลา ไม่เคยรอใคร
เวลา ไม่เคยหยุดนิ่ง
เวลา  สิ่งที่หลายคนมองข้าม
เวลา สิ่งที่หลายคนตระหนัก
เวลา มีค่าเสมอ
เวลา ทุกคนมีเท่ากัน 
เวลา คิดเป็นวินาที
เวลา ไม่มีการ ทอน ย้อนคืน 
เวลา ไม่มีคำว่าเหลือ 
เวลา ไม่รู้จักใคร
เวลา ยุติธรรม
เวลา ไม่เดินหนี แต่เดินไปเืรื่อย
เวลา ไม่มีคำว่าหมด

และเวลา มักจะเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่าสาย


         สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า  ไม่ว่าการทำงานใดๆก็แล้วแต่  ถ้าไม่ช่วยกันทำ  ไม่สามัคคี  เห็นแต่ความสะบายของตัวเองไว้ก่อนเพื่อนลำบากไม่สน  เวลาทำอะไรหรือนัดอะไรก็ขี้เกียจเข้า  มาสายๆขอให้งานตัวเองให้เสร็จก่อน  ส่วนรวมค่อยว่ากันหรือเห็นว่ามันไม่สำคัญค่อยเข้าก็ได้  ไม่ช่วยงานแล้วยังชวนคนอื่นให้ไม่ช่วยอีก  หรือ  แม้แต่ถ้ามาแล้วไม่มีจิตใจที่จะทำสิ่งนั้น  งานที่ทำทุกอย่างมันไม่สำเร็จไม่ออกมาดีหรอก